ดร.กฤษฎา จ่างใจมนต์

5 ก.ย. 2553

ดร.กฤษฎา จ่างใจมนต์ เรียนจบ

-ปริญญาตรี วิศวกรรมไฟฟ้า จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
-MBA จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 
-ปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยอเมริกันโคสต์ไลน์ 

เป็นนักธุรกิจไทยรุ่นแรกที่ได้รับเชิญจากมหาวิทยลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา ให้เข้าร่วมงานสัมมนาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในโปรแกรม “Distinguished Senior Executive Program in Government and Business” เมื่อปี พ.ศ. 2534 ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าของและผู้จัดการใหญ่ของ 

หจก.เนเจอร์กิฟโปรดัคส์ 

ผู้ผลิตเครื่องดื่มลดความอ้วนและบำรุงสุขภาพปรุงสำเร็จ เช่น กาแฟ โกโก้ ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในท้องตลาดขณะนี้

“ตั้งแต่ผมเกิดมาก็ไม่เคยรู้จักเลยว่าความสบายมันเป็นอย่างไร เห็นแต่ภาพที่คุณพ่อต้องหาบก๋วยเตี๋ยวแคะขาย ทำกับข้าวขาย คุณแม่ต้องตรากตรำทำงานหัก ตื่นตั้งแต่ตี 4 ครึ่ง รีบไปเข้าคิวหาบน้ำคันโยกสาธารณะกลับมาไว้ใช้ในบ้าน ผมต้องไปรับผ้าจีวรจากสี่แยกวัดตึกมาให้คุณแม่เย็บที่บ้านถึงดึกดื่นเที่ยงคืนทุกวัน และผมเองก็ต้องหารายได้มาเรียนหนังสือ โดยวิ่งขายเรียงเบอร์ ไปรับขนมจากปากคลองตลาดมาขาย ตอนสายก็ไปรับไอศกรีมแท่งใส่ถังแบกจากแยกวังแดงมาขายเพื่อนๆ ในสลัม จนกระทั่งผมจบ ป.4 ผมอยากเรียนต่อมาก แต่คุณแม่ไม่ให้เรียนเพราะไม่มีเงินส่ง ผมจึงแอบไปสอบเข้า จนติดที่โรงเรียนวัดสระเกศ โดยขอร้องให้แม่ของเพื่อนเซ็นชื่อเป็นผู้ปกครองแทนให้ ทำให้ผมได้เรียนจนถึงมัธยมปลาย ซึ่งโชคก็เข้าข้าง.. ผมได้รับทุนเรียนดี

แม้ชีวิตผมจะเป็นอย่างนี้.. ก็ไม่เคยคิดท้อแท้ หรือน้อยใจในโชคชะตา อีกทั้งผมยังเป็นคนชอบศึกษาธรรมะเข้าวัดมาตั้งแต่ยังเด็ก ชอบฟังพระเทศน์ ชอบอ่านธรรมะ อ่านเรื่องนรก สวรรค์ จึงทำให้มีอัธยาศัยชอบทำบุญเป็นชีวิตจิตใจ ทำจนหมดเกลี้ยงทุกครั้ง เรียกว่ามีเท่าไรก็ทำจนหมด โดยไม่คิดเสียดาย ก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทั้งๆที่ผมจน แต่ทำไมมีนิสัยชอบทำบุญจนหมดตัวตั้งแต่เด็ก รู้แต่ว่าทำแล้วสบายใจ มีความสุข

ตอนเรียนอยู่ที่จุฬาฯ ผมมีเงินทางอาหารกลางวันได้แค่ข้าวแกง 1 จาน ต้องเดินกลับมาดื่มน้ำก๊อกฟรีบนอาคาร ไม่เคยได้กินขนมเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ เลย ผมต้องช่วยอาจารย์ทำวิจัยไปด้วย เพราะทำให้ผมมีเงินมาจ่ายค่าเทอม

ช่วงที่ผมใกล้จบยิ่งขัดสนเงินมาก เพราะคุณพ่อคุณแม่ถูกไล่ที่ทำกิน เนื่องจากหมดสัญญาเช่า ทำให้ต้องย้ายไปขายกับข้าวที่ใหม่ แต่ขายไม่ได้เลย ทำให้ทุกคนในบ้านเครียดกันมาก แต่ก็นับว่าโชคยังเข้าข้าง หลังจากเรียนจบเพียง 1 สัปดาห์ ก็ได้งานที่การไฟฟ้านครหลวงทันที ผมทำงานที่การไฟฟ้าอยู่เพียงระยะหนึ่ง ก็ลาออกไปหาประสบการณ์กับบริษัทเอกชน อีก 2 บริษัท แล้วจึงออกมาตั้งบริษัทของตัวเองเมื่อปี พ.ศ.2519 ซึ่งก็เต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย ผมดำเนินธุรกิจอย่างกระท่อนกระแท่นมาตลอด เปลี่ยนธุรกิจมาหลายอย่าง ชีวิตผมเป็นเช่นนี้จนกระทั่งในปี พ.ศ.2526 มีเพื่อนคนหนึ่งมาชวนผมทำบุญซื้อที่ดินถวายวัดพระธรรมกาย ตารางวาละ 62.50 บาท เขาบอกว่าส่วนของเขาเหลืออยู่ 10 ตารางวา ผมบอกเหมาหมดเลย แต่ก็ยังรู้สึกว่าทำน้อยไปเพราะอยากได้บ้านหลังใหญ่ๆ และรถคันโตๆ จึงเดินทางมาที่วัดและทำบุญเพิ่มอีก 100 ตารางวา รวมเป็น 110 ตารางวา และด้วยบุญจากการซื้อที่ดินเพียง 100 ตารางวานี้เอง 

เป็นเรื่องแปลกมากที่ธุรกิจเครื่องฟอกอากาศของผมขายดีจนมียอดขายสูงเป็นอันดับ 1 ของประเทศ ในขณะนั้น สามารถซื้อทาวน์เฮ้าส์ 36 ตารางวา หลังแรกในชีวิต ตามด้วยบ้านเดี่ยวริมทะเลสาบ เนื้อที่ 236 ตารางวา และที่ดินในสนามกอล์ฟ 2 แห่ง เนื้อที่รวมกันกว่า 5 ไร่ ตลอดจนได้ที่สาร้างโรงงานผลิตเครื่องฟอกอากาศอีก 224 ตารางวา สามารถซื้อที่ดินที่จังกวัดลพบุรีได้อีก 500 ไร่ มูลค่านับร้อยล้านบาท อีกทั้งมีรถยุโรป VOLVO, BMW Serie 7 ใช้สมปรารถนา

ต่อมาผมคิดจะทำธุรกิจตัวใหม่เพิ่ม คือ ทำโครงการขายที่ดิน ผมและภรรยาลงทุนลงแรงไปมาก จนเกิดภาวะเงินจม ผมต้องรุสต๊อกเครื่องฟอกอากาศหลายร้อยเครื่อง และเครื่องกรองน้ำเกือบ 4,000 ขุด ได้เงินมาหลายล้านบาท ก็เอามาลงทุนต่อ ช่วงนั้นเราตกอยู่ในสภาพแย่มากๆ หนี้สินทับทวีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 55 ล้านบาท ธนาคารโทรมาทวงแล้วทวงอีก ต้องยอมให้ธนาคารยึดทรัพย์สินและที่ดินที่มีอยู่บางส่วนเพื่อหักหนี้ ผมลองผิดลองถูก ทำหลายอย่างโดยไม่ลดความพยายาม กระทั่งปี พ.ศ. 2545 ได้ทำอาการเสริมบรรจุแคปซูลขาย ภายใต้ชื่อตราว่า เนเจอร์กิฟ ตอนนั้นขายไม่ดี

เมื่อ 31 มกราคม พ.ศ. 2547 ผมลองไปเปิดตัวผลิตภัณฑ์กาแฟที่งานเกษตรแฟร์ ที่ ม.เกษตรศาสตร์ บางเขน งานนี้เราขาดทุนไปหลายหมื่นบาท แต่โชคดีที่บรรดาสื่อมวลชนให้ความสนใจกาแฟของเรา นำไปออกข่าว ลงในนิตยสารหลายฉบับ ทำให้ธุรกิจเราเริ่มเป็นที่รู้จัก และขายดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เราสามารถลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง แล้วเราก็มีเงินมาทำบุญมากขึ้น และได้ตัดสินในยกที่ดินที่จังกวัดลพบุรีถวายแด่หลวงพ่อธัมมชโย ปัจจุบันที่ดินผืนนี้ได้ถูกพัฒนาเป็นศูนย์อบรมเยาวชน จังหวัดลพบุรี สามารถจัดอบรมพระภิกษุ สามเณร สาธุชน ได้ครั้งละ 2,000 คน ซึ่งเป็นความปลื้มใจและภูมิใจของครอบครัวเรามากๆ

ธุรกิจเรากำลังขยายฐาน เรามีบุญน้อยขยายใหญ่ไปก็ไปไม่รอดอีก เพราะเรามีกำลังบุญไม่พอที่จะรองรับสมบัติที่กำลังจะเกิดขึ้น แต่หากเราทำมากๆ ทำสุดๆ บุญเราก็จะมากและเพียงพอ ที่จะรองรับธุรกิจที่ใหญ่โตขึ้น ซึ่งมันก็จริงๆ พอผมทำบุญใหญ่ทีไร บุญก็ส่งผลเกิดคาดอย่างที่เห็น เราทำบุญง่ายๆ ทำก่อน ทำโดยที่ไม่ต้องมีใครมาชวน ทำให้ถูกเนื้อนาบุญ ทำอย่างต่อเนื่อง ทำแล้วก็ต้องปลื้ม ทำแล้วเพิ่มเป้ากว่าที่ตั้งใจไว้ ยิ่งในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ บางธุรกิจอาจเจ๊งไปเลย และที่สำคัญธุรกิจของเรายังได้เงินสดเข้ามาตุลอุด เพราะธุรกิจของเราไม่มีการขายแบบเครดิตทำให้เรามีสภาพคล่อง การเงินสูง

ด้วยอานุภาพแห่งบุญ ปัจจุบันทำให้ผลิตภัณฑ์ ก้าวไปสู่ตลาดโลกได้อย่าอัศจรรย์ คือได้รับ อย. จากประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งปกติผลิตภัณฑ์ประเภทอาหารและยา กว่าจะผ่านการรับรอง อย. จากประเทศสหรัฐอเมริกาต้องใช้ขั้นตอนและระยะเวลาเป็นปีๆ แต่เนเจอร์กิฟ ใช้เวลาเพียง 45 วัน ก็ผ่านการรับรอง จนได้ อย. และกลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นที่รู้จักของประเทศสหรัฐอเมริกาอยู่ในขณะนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น