ติ๋ม ทีวีพูล เจ้าแม่ธุรกิจบันเทิงผู้สร้างเม็ดเงิน 400 ล้านต่อปี!!

18 ม.ค. 2554
โดยนิตยสาร who เมื่อปี 2553

เจ้าแม่ธุรกิจบันเทิงผู้สร้างเม็ดเงิน 400 ล้านต่อปี!!

- เปิดคอนโดหรูใจกลางเมืองของเจ้าแม่วงการบันเทิง “ติ๋ม ทีวีพูล”
- ครั้งแรกของการเยือนเรือนหอและเผยเรื่องราวชีวิตนอกจอกับสามี พล.อ.นพดล อินทปัญญา เลขานุการ รมว.กลาโหม
- อีก 5 ปี รีไทร์ โอนถ่ายธุรกิจ 400 ล้านแก่ทายาท!!

เพราะประสบการณ์ที่คร่ำหวอดในวงการบันเทิงมานานหลายสิบปี 

พรรทิภา สกุลชัย 

จึงถูกยกให้เป็น “เจ้าแม่” ของคนวงการบันเทิงไปโดยปริยาย จะด้วยนัยที่หมายถึงบุคคลซึ่งมีอิทธิพลและให้คุณให้โทษแก่ดาราหรือคนในวงการบันเทิงก็สุดแล้วแต่...ทว่าหากถามความรู้สึกของ “ติ๋ม ทีวีพูล” เจ้าของฉายาดังกล่าวแล้ว เธอไม่ยี่หระกับบทบาทเจ้าแม่สักเท่าไร

ทันทีที่ผละจากภารกิจอันยุ่งขิงในแต่ละวันได้ คุณติ๋มหรือพี่ติ๋มของน้องๆ ก็เตรียมพร้อมสำหรับการสนทนาเรื่องราวต่างๆ ควบคู่กับการพาชมเรือนหอหลังใหม่ใจกลางเมือง ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมหรูย่านราชดำริ บนพื้นที่ใช้สอยกว่า 480 ตารางเมตร

เจ้าของอาณาจักรโน้ต พับลิชชิ่ง ผู้ผลิตนิตยสารและรายการบันเทิงทางโทรทัศน์ ยิ้มต้อนรับพลางแนะนำสุภาพบุรุษที่เดินอยู่ข้างกาย

“บิ๊กกี่” พล.อ.นพดล อินทปัญญา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 

คู่ชีวิตที่อยู่อาศัยด้วยกันมานานกว่า 5 ปี

“ปกติวันจันทร์-ศุกร์จะนอนที่บ้านซอยลาดพร้าว 101 เพราะสะดวกสบายเรื่องการเดินทาง ไม่ต้องผจญกับรถติด ทำงานดึกดื่นแค่ไหนขึ้นไปนอนได้ทันที จะมาอยู่คอนโดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์เท่านั้น เพราะที่นี่สามีอยู่ หรือไม่งั้นก็จะไปคอนโดที่หัวหิน ซึ่งจะใหญ่กว่าที่นี่ ประมาณ 550 ตารางเมตรได้ 

ที่นั่นติดทะเลก็จะเน้นสีสันสดใสหน่อย สีแดง สีเขียว สีเหลือง ของตกแต่งตามฝาผนังหรือตามห้องต่างๆ พวกโคมไฟ โต๊ะ เก้าอี้ จะเป็นเปลือกหอย เป็นปู เป็นปลาดาว เต็มไปหมด ออกสไตล์ท้องทะเลไปเลย อีกที่คือคอนโดวังแก้ว จ.ระยอง อันนั้นซื้อไว้นานมากแล้ว” กล่าวน้ำเสียงสดใสพร้อมย้ำว่านี่เป็นครั้งแรกที่ยอมเปิดให้สื่อชมเรือนหอ

นอกจากนี้คุณติ๋มยังกระซิบบอกต่อว่า เหตุที่ไม่ได้อยู่บ้านนี้กับสามีทุกวันเนื่องจากวันทำงานจะมีเสียงโทรศัพท์เข้ามาตลอด จนทำให้ไม่ได้หลับไม่ได้นอน เกรงว่าจะเป็นการรบกวนสามีจนเกินไป

“ซื้อที่นี่ร่วมกับสามีคนนี้เมื่อ 5 ปีที่แล้ว เหมือนเป็นเรือนหอของเรา ชอบเพราะอยู่ใจกลางเมือง ติดรถไฟฟ้า จะไปซื้อของอะไรก็ง่าย สะดวกสบายทุกอย่าง สมบูรณ์ พร้อมสรรพ โรงแรมก็รายล้อม การรักษาความปลอดภัยก็ดีเยี่ยม บรรยากาศก็สวยงาม โดยเฉพาะตอนกลางคืน อยู่ชั้นสูงๆ มองเห็นวิวได้ทั่ว แสงไฟระยิบระยับเต็มไปหมด ประทับใจอีกอย่างคือ ไม่มียุงหรือแมลงวันบินขึ้นมากวนใจ เพราะอยู่สูงเกิน รวมถึงหนูด้วย ขึ้นมาไม่ไหว”

ชีวิตคู่ครั้งใหม่ระหว่างเจ้าแม่วงการบันเทิงกับนายพลรุ่นใหญ่มาบรรจบกันได้อย่างไร หลายคนใคร่รู้ คุณติ๋มหัวเราะเสียงใสก่อนจะหันไปสบตาฝ่่ายชาย จากนั้นจึงพาย้อนอดีตถึงเหตุการณ์ที่ทำให้พานพบกับรักครั้งนี้ว่า แท้ที่จริงแล้วรู้จักและคบหาในฐานะเพื่อนมากว่า 20 ปี เหตุเพราะต่างฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทกับ 

บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ตั้งแต่ท่านยศพันเอก 

ก่อนที่จะมาดำรงตำแหน่งในปัจจุบันด้วยซ้ำ ด้วยนิสัยของบิ๊กกี่ที่ตรงไปตรงมา ทั้งเป็นคนที่มีระเบียบวินัยมาก และชอบดูแลเทกแคร์ ซึ่งต่างกับเจ้าตัวโดยสิ้นเชิง เลยทำให้ค่อยๆ เปิดใจที่จะมีรักใหม่อีกครั้ง

ขณะที่ลูกๆ ของแต่ละฝ่ายต่างก็รับรู้เป็นอย่างดี โดย

บิ๊กกี่มีลูกสาว 2 คน แต่งงาน แยกครอบครัวไปแล้ว ส่วนคุณติ๋มมีลูกชาย 3 คน 

คนโตชื่อ ตูม-โชกุล สกุลชัย ศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 ที่ University of the Arts London สาขา Arts Media & Cultural Studies(Media & Cultural Studies?????) 

คนรองชื่อ ตอง-นันทกุล สกุลชัย กำลังศึกษาเพิ่มเติมที่ New York Film Academy, Los Angeles สาขา Filmmaking และ

คนสุดท้องชื่อ เต้-โมเลกุล สกุลชัย กำลังศึกษาที่ Bellerbys College London

เมื่อทุกอย่างลงตัว ที่สุดทั้งสองจึงตกลงปลงใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน กระทั่งทุกวันนี้การดูแลเอาใจใส่ไม่เคยเปลี่ยน ว่างเมื่อไหร่บิ๊กกี่เป็นได้ชวนภรรยาออกไปช็อปปิ้งตลอด ที่สำคัญอยากได้อะไรขอให้บอก บิ๊กกี่จัดให้ทุกอย่าง

แม้จะใช้เวลาอยู่ที่คอนโดใจกลางเมืองเพียง 2 วันต่อสัปดาห์ แต่ระดับเจ้าแม่วงการบันเทิงแล้ว เธอทุ่มทุนตกแต่งไว้อย่างหรูหราอลังการ ตลอดทางเดินประดับด้วยแสงไฟราวกับกำลังสาดส่องบนแคตวอล์ก ส่วนผนังรายรอบก็ติดกระจกช่วยให้ดูพื้นที่กว้างขวางขึ้นมากทีเดียว นอกเหนือไปจากนั้นยังมีเหตุผลสำคัญซ่อนอยู่

“เป็นคนชอบกระจก เพราะฉะนั้นทุกพื้นที่ภายในบ้านต้องติด เวลามองไปทางไหนจะได้เห็นหมด ที่สำคัญคือเวลามองตัวเองจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดๆ รู้ได้ทันทีว่ารูปร่างเราเปลี่ยนไปหรือเปล่า หากอ้วนไปจะได้บังคับตัวเองให้กินน้อยลง หรือไม่ก็ออกกำลังกายมากหน่อย สังเกตได้ว่าลู่วิ่งมีทุกมุม วิ่งไปด้วย ดูทีวีไปด้วย สบาย” เจ้าของบ้านกล่าวพลางหัวเราะเสียงดัง

สำหรับเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้านนั้นล้วนแล้วแต่่สั่งตรงมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะโมร็อกโก

“จริงๆ ของแต่งห้องไม่ได้เน้นยี่ห้ออะไรเป็นพิเศษ เห็นแล้วชอบก็ซื้อ เน้นดีไซน์ที่แปลก ไม่ซ้ำแบบใคร โทนสีเน้นขาวกับดำ หรือไม่ก็ทอง เพราะเป็นสีที่ชอบ เลยกลายเป็นว่าแบ่งโซนชัดเจน เฟอร์นิเจอร์ก็เหมือนกัน ไม่ชอบดีไซน์ที่วางขายทั่วไป จึงต้องสั่งซื้อจากเมืองนอกเสียส่วนใหญ่ อาทิ โต๊ะ เก้าอี้ รูปภาพ โคมไฟ แก้วน้ำ ถ้วยชามต่างๆ เกือบทั้งหมดในห้องจะมาจากโมร็อกโก เวลาที่สถานทูตจัดงานก็ไปเลือกซื้อหรือสั่งโดยตรง เพราะสไตล์นี้จะมีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีคุณค่าความงามก็ยังอยู่ เหมือนเป็นอมตะ”

รวมถึงห้องนอนด้วยเช่นกันที่เน้นโทนสีธีมเดียวกันหมด โดยเฉพาะแบรนด์ดังอย่างเวอร์ซาเช ที่มีแบบครบเซต ไม่ว่าจะเตียง ที่นอน ผ้าห่ม ปลอกหมอน

“สามีพี่สนิทกับเจ้าของแบรนด์นี้ เลยซื้อได้ในราคาที่ถูกมาก ไม่ว่าจะของใช้ต่างๆ รวมถึงเสื้อผ้า จริงๆ รู้สึกชินตากับแบรนด์พวกนี้มากกว่าหลุยส์ฯ นะ สมัยเด็กๆ อาจจะคุ้นเคยกับมันมากไป จนรู้สึกเบื่อไปแล้ว
เป็นอะไรที่ไม่ชอบเลย

ขณะที่ห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่น ความที่ชอบโล่งๆ โปร่งสบาย ทำให้ก่อนเข้ามาอยู่ต้องปรับแต่งและทุบรื้อใหม่ จากเดิมที่แบ่งซอยเป็นห้องเล็กห้องน้อย ตอนนี้ทุกตารางเมตรสามารถใช้สอยได้เต็มพื้นที่และถึงกันหมด

“เวลาจัดปาร์ตี้จะได้สะดวกและทั่วถึง รับแขกได้เยอะๆ ทุกวันนี้เพื่อนๆ มาเลี้ยงสังสรรค์ไม่เคยขาด ทั้งวงการบันเทิง เพื่อน วปอ.และสถาบันพระปกเกล้า รองรับได้สบาย 30 กว่าคน อยากนั่งมุมไหนได้หมด จัดแบบบุฟเฟต์ก็ได้ มีมุมทำครัว มีบาร์ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ต้องกลัวว่าครัวจะปิดหรือต้องกลับก่อนเพราะเปิดเกินเวลา สามารถอยู่ได้ยันเช้า”

“หลายคนอาจมองว่าแพงและไร้สาระกับการซื้อโถสุขภัณฑ์ราคาแสนกว่าบาท แต่สำหรับเราถือว่าคุ้มค่ามากกว่า ไปเที่ยวเมืองนอกทริปหนึ่งเสียเงินหลายแสน ลงทุนซื้อโถแค่นี้สามารถใช้ได้หลายปีเลยนะ ถ้าคิดว่าแพงก็งดไปเที่ยวเมืองนอกปีละหลายๆ ครั้ง ก็เก็บเงินซื้อโถสุขภัณฑ์ดีๆ ได้เอง ห้องน้ำจะเน้นเลย ขอสวยๆ เพราะเราใช้เวลาอยู่กับมันมากกว่าที่อื่น มันเป็นโลกของเรา
ทำให้รู้สึกปลอดโปร่งและผ่อนคลายที่สุด”

ไม่เพียงเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกซื้อให้เหมาะกับบ้าน อุปกรณ์ในห้องครัวก็ยังเป็นเรื่องที่คุณติ๋มใส่ใจไม่แพ้กัน ด้วยเจ้าตัวขึ้นชื่อเรื่องเสน่ห์ปลายจวักและชอบทำอาหาร ทั้งยังเคยเปิดร้านอาหารมัคคนารี ในบริเวณบ้านซอยลาดพร้าว 101 มาก่อน

 “ชอบเข้าครัว ชอบทำอาหารมาก ทุกประเภทได้หมด ไม่ว่าจะผัดสปาเกตตี ทำสเต๊ก หรืออาหารเม็กซิกัน แต่ตอนนี้ไม่กินเองแล้วเพราะกลัวอ้วน ส่วนใหญ่ทำเลี้ยงแขกมากกว่า น้ำกีวีหรือน้ำสลัดยังทำได้อยู่ หอมทอดและยำเห็ดโคนเป็นเมนูประจำที่ทำไม่เคยขาด เพราะจัดปาร์ตี้บ่อย พยายามสอนตลอด เวลาทำอาหารต้องใส่ใจ ใส่ความรักและใส่ความตั้งใจลงไปด้วย รสชาติถึงจะอร่อยทุกจาน”

เรื่องอาหารไทยแม้ขั้นตอนการทำจะค่อนข้างละเอียดและยากกว่าอาหารต่างชาติสักหน่อย แต่ถึงกระนั้นรสมือและเสน่ห์ปลายจวักก็ไม่แพ้กันอยู่ดี งานนี้คุณติ๋มออกปากว่า เมนูอาหารไทยไม่ว่าต้ม
หรือแกงทำได้หมด

สาเหตุที่ไม่มีเวลาเข้าครัวคงมาจากธุรกิจสื่อครบวงจรที่เธอต้องดูแล อาทิ 

- สื่อสิ่งพิมพ์ (ทีวีพูล และ Spicy) 
- รายการทางเคเบิลทีวี 
- ข่าวออนไลน์ทางอินเทอร์เน็ตและทางโทรศัพท์มือถือ รวมถึง
- ขายแพ็กเกจรายการทีวีที่น่าสนใจไปยังต่างประเทศด้วยการทำโรดโชว์ 
นอกจากนี้เธอยังมีโปรเจกต์ใหม่คือ 
- เปิดแผนกผลิตภาพยนตร์ 
“ทำโรดโชว์ให้คนไทยที่อยู่ต่างประเทศรู้จัก แล้วก็ซื้อเมมเบอร์ โดยเอาฟรีทีวีไทยไปกว่า 40 ช่อง รวมทั้งเคเบิลที่คิดว่ามีศักยภาพพอมัดรวมกัน ฟีดจากที่นี่ไปอเมริกา แล้วขึ้นอัพลิงก์ผ่านดาวเทียมที่โน่น เพราะที่อเมริกาดูผ่านทางจานดาวเทียม แต่ทางฝั่งยุโรปจะดูทางอินเทอร์เน็ตผ่านทาง IPTV ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับคนไทยที่ต้องตามให้ทัน จริงๆ แล้วเงินหล่นตามถนนทั่วไป
ขอเพียงแค่หาช่องทางให้เจอเท่านั้นเอง”

ไม่เพียงเท่านั้นคุณติ๋มยังมีโปรเจกต์ใหม่ที่กำลังจะก่อร่างสร้างตัวในเร็ววันคือ 

รีสอร์ตร้อยกว่ายูนิตที่ปากช่อง บนเนื้อที่กว่า 84 ไร่ 

“ทำรีสอร์ตแบบเซ็นเตอร์คลับ ไว้สำหรับทำกิจกรรมแฟนคลับของเราเอง มีครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านกิฟต์ช็อป กิจกรรมกลางแจ้ง และฮอลล์สันทนาการต่างๆ เพราะธุรกิจในเครือเราแยะ รีสอร์ตอยู่ตรงข้ามกับ PB วัลเลย์ ตอนนี้อยู่ในช่วงขุดบ่อ ปรับแลนด์สเคปอยู่ คาดว่าประมาณปลายปีหน้าเสร็จแน่นอน” เจ้าแม่วงการบันเทิงเผยถึงธุรกิจที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว

อดีตเจ้าแม่วงการ

โฆษณาและเจ้าแม่สัมปทานคลื่นวิทยุ 36 คลื่น เมื่อหลายสิบปีก่อน 

(ก่อนขายให้กับวัฏจักร แล้วผันตัวเองมาทำธุรกิจสื่อแบบครบวงจร) บอกต่อว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ล้วนมาจากแนวทางการบริหารงานที่ชัดเจน มีระบบและแบบแผน ส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ อยู่ตัวและมั่นคง เช่นนั้นจึงไม่แปลกหากผลประกอบการที่ทำได้ในปี 2552 จะมีรายได้โดยประมาณเฉลี่ยเดือนละ 35 ล้านบาท ซึ่งหากบวกลบคูณหารแล้วต่อปีย่อมมากกว่า 400 ล้านบาท

เมื่อตัวเลขผลประกอบการขนาดนี้ คุณติ๋มจึงเผยถึงแผนรีไทร์ตัวเองในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยจะวางมือให้ลูกชายทั้ง 3 คนรับช่วงต่อตามแนวที่ถนัด ไม่ว่าจะการทำหนังสือ รายการทีวี เปิดแผนกผลิตภาพยนตร์ หรือทำบริษัทเรียลเอสเตต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น