ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน) (บมจ.)
เกิดเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2491
บิดาเป็นอดีตพนักงานขายวัสดุก่อสร้าง ที่ได้เลื่อนขึ้นเป็นผู้จัดการทั่วไป ต่อมาเปิดร้านขายวัสดุก่อสร้างของตัวเอง ชื่อ "เกี้ยนตัง"
ในวัยเด็ก ชอบวาดรูป ศึกษาต่อที่ รร.สวนกุหลาบ มีนิสัยรักการอ่าน ชอบอ่านหนังสือออกแบบอาคารและสิ่งก่อสร้าง ที่ห้องสมุดบริติชเคาน์ซิล ใกล้โรงเรียนบ่อยๆ ศึกษาต่อ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ จบเกียรตินิยมอันดับสอง
ในปี 2516เริ่มต้นทำงานเป็นสถาปนิก ที่ บริษัท อีอีซี จำกัด จากนั้นย้ายไปทำงานที่ บริษัท โอบายาชิ กิมิ จำกัด ต่อมาไปเรียนต่อปริญญาโทที่ University of Illinois ที่ Urbana Champaign สาขา Housing เรียน 1 ปี จบหลักสูตร M.Arch เกียรตินิยม "ที่เลือกไปเรียนต่อที่อเมริกาเพราะเป็นประเทศที่มีสถาปัตยกรรมยุคใหม่ เยอะที่สุด เป็นเจ้าเศรษฐกิจของโลก เจริญที่สุด ก้าวหน้าที่สุด และรวยที่สุด รวมทั้งเรื่องภาษาด้วย" ต่อมาทำงานออกแบบที่ บริษัท Edwards & Dankert, Architects & Planners
กลับประเทศไทย ปี 2520 จึงเปิดบริษัท อาคิเทค เจอรัล ดีไซน์ แอนด์ ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด ต่อมาร่วมทุนกับพี่ชาย ตั้ง บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด(มหาชน) โดยประทีปนั่งเป็นกรรมการผู้จัดการ สร้างโครงการปทุมวันเพลสคอนโดมิเนียม ปี 2525 จนได้รางวัลนักการตลาดดีเด่น
ปี 2532 จึงแยกตัวมาตั้ง บริษัท ศุภาลัย จำกัด ซึ่งเป็นช่วงอสังหาฯ ขยายตัวสูง เหตุผลที่ใช้ชื่อ ศุภาลัย เพราะ ศุภาลัย แปลว่า "บ้านที่ดี" และเพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจที่จะสร้างบ้านให้แก่ลูกค้าอย่างที่ดีที่สุดและคุ้มค่าที่สุด เพื่อให้ครอบครัวนั้นๆอยู่กันอย่างมีความสุข"
3 ปี ต่อมา จึงนำบริษัทเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย "การเป็นสถาปนิก ช่วยให้ได้เปรียบคู่แข่งในการตัดสินใจและคิดคำนวณต้นทุนได้เร็ว "
ผู้ที่เขานำมาเป็น Role model ได้แก่
- ขงจื้อ เล่าจื๊อ และเหลี่ยวฝาน ที่สอนว่า "ทุกคนเป็นคนลิขิตชะตาชีวิตของตัวเอง" รวมถึ
- หลวงวิจิตรวาทการ ที่พัฒนาตัวเองจากเสมียนกระทรวงการต่างประเทศจนได้เป็นรัฐมนตรี รวมถึง
- โธมัส อัลวา เอดิสัน ที่ชอบคิดค้นอะไรใหม่ๆ รวมถึง
- คำสอนของพระพุทธเจ้า หลัก "อิทธิบาท 4" ที่เขานำมาเป็นสูตรสร้างความสำเร็จให้องค์กร
พร้อมทั้งสร้างปรัชญาการทำงานที่ยึด SPL ได้แก่ ความเป็นเลิศ(Superiority) , การเอื้อประโยชน์แก่ทุกฝ่าย(Profitability) และ ดำเนินธุรกิจต่อเนื่องในระยะยาว(Longevity)
ย้ำให้พนักงานพัฒนาตัวเอง ไม่ต้องโทษดวง วิธีพัฒนาตัวเอง ต้องพัฒนา ทั้งความรู้ ความสามารถ คุณภาพชีวิต และความน่าเชื่อถือ ประกอบกัน และตัวเขาทำเป็นต้นแบบให้เห็น
ข้อคิดสำหรับคนรุ่นใหม่ "ในโลกนี้เราสามารถที่จะทำให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้เสมอ คือความตั้งใจ ความพยายาม และรักในสิ่งที่ทำ เมื่อเราตั้งใจ และพยายามอยู่เรื่อยๆ ไตร่ตรองหาเหตุผลเสมอก็จะทำอะไรใหม่ๆได้ตลอด แล้วเราก็จะภูมิใจในสิ่งที่เราทำได้ ที่สำคัญทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเราก็จะได้ประโยชน์ด้วย และเมื่อเราคิดในสิ่งทีดี ทำในสิ่งที่ดี ก็จะได้สิ่งที่ดีๆ กลับมา”
งานที่ท้าทายจากนี้ไป คือ ทำอะไรที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ที่ทำให้พัฒนาได้เรื่อยๆ เพราะยังสนุกอยู่กับงาน ตราบใดที่สุขภาพยังโอเคอยู่ก็จะทำไปเรื่อยๆ
การพักผ่อน มีทั้งเล่นจื้อกง โยคะ ฟิตเนส ว่ายน้ำ แบดมินตัน ตีกอล์ฟ อ่านหนังสือ ดูทีวี ท่องเที่ยวทุกรูปแบบ ที่ชอบมากๆ และทำมาตั้งแต่วัยหนุ่มคือ การถ่ายภาพ และสะสมโมเดลบ้าน
Read more ...
เกิดเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2491
บิดาเป็นอดีตพนักงานขายวัสดุก่อสร้าง ที่ได้เลื่อนขึ้นเป็นผู้จัดการทั่วไป ต่อมาเปิดร้านขายวัสดุก่อสร้างของตัวเอง ชื่อ "เกี้ยนตัง"
ในวัยเด็ก ชอบวาดรูป ศึกษาต่อที่ รร.สวนกุหลาบ มีนิสัยรักการอ่าน ชอบอ่านหนังสือออกแบบอาคารและสิ่งก่อสร้าง ที่ห้องสมุดบริติชเคาน์ซิล ใกล้โรงเรียนบ่อยๆ ศึกษาต่อ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาฯ จบเกียรตินิยมอันดับสอง
ในปี 2516เริ่มต้นทำงานเป็นสถาปนิก ที่ บริษัท อีอีซี จำกัด จากนั้นย้ายไปทำงานที่ บริษัท โอบายาชิ กิมิ จำกัด ต่อมาไปเรียนต่อปริญญาโทที่ University of Illinois ที่ Urbana Champaign สาขา Housing เรียน 1 ปี จบหลักสูตร M.Arch เกียรตินิยม "ที่เลือกไปเรียนต่อที่อเมริกาเพราะเป็นประเทศที่มีสถาปัตยกรรมยุคใหม่ เยอะที่สุด เป็นเจ้าเศรษฐกิจของโลก เจริญที่สุด ก้าวหน้าที่สุด และรวยที่สุด รวมทั้งเรื่องภาษาด้วย" ต่อมาทำงานออกแบบที่ บริษัท Edwards & Dankert, Architects & Planners
กลับประเทศไทย ปี 2520 จึงเปิดบริษัท อาคิเทค เจอรัล ดีไซน์ แอนด์ ดิเวลลอปเมนท์ จำกัด ต่อมาร่วมทุนกับพี่ชาย ตั้ง บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด(มหาชน) โดยประทีปนั่งเป็นกรรมการผู้จัดการ สร้างโครงการปทุมวันเพลสคอนโดมิเนียม ปี 2525 จนได้รางวัลนักการตลาดดีเด่น
ปี 2532 จึงแยกตัวมาตั้ง บริษัท ศุภาลัย จำกัด ซึ่งเป็นช่วงอสังหาฯ ขยายตัวสูง เหตุผลที่ใช้ชื่อ ศุภาลัย เพราะ ศุภาลัย แปลว่า "บ้านที่ดี" และเพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจที่จะสร้างบ้านให้แก่ลูกค้าอย่างที่ดีที่สุดและคุ้มค่าที่สุด เพื่อให้ครอบครัวนั้นๆอยู่กันอย่างมีความสุข"
3 ปี ต่อมา จึงนำบริษัทเข้าไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย "การเป็นสถาปนิก ช่วยให้ได้เปรียบคู่แข่งในการตัดสินใจและคิดคำนวณต้นทุนได้เร็ว "
ผู้ที่เขานำมาเป็น Role model ได้แก่
- ขงจื้อ เล่าจื๊อ และเหลี่ยวฝาน ที่สอนว่า "ทุกคนเป็นคนลิขิตชะตาชีวิตของตัวเอง" รวมถึ
- หลวงวิจิตรวาทการ ที่พัฒนาตัวเองจากเสมียนกระทรวงการต่างประเทศจนได้เป็นรัฐมนตรี รวมถึง
- โธมัส อัลวา เอดิสัน ที่ชอบคิดค้นอะไรใหม่ๆ รวมถึง
- คำสอนของพระพุทธเจ้า หลัก "อิทธิบาท 4" ที่เขานำมาเป็นสูตรสร้างความสำเร็จให้องค์กร
พร้อมทั้งสร้างปรัชญาการทำงานที่ยึด SPL ได้แก่ ความเป็นเลิศ(Superiority) , การเอื้อประโยชน์แก่ทุกฝ่าย(Profitability) และ ดำเนินธุรกิจต่อเนื่องในระยะยาว(Longevity)
ย้ำให้พนักงานพัฒนาตัวเอง ไม่ต้องโทษดวง วิธีพัฒนาตัวเอง ต้องพัฒนา ทั้งความรู้ ความสามารถ คุณภาพชีวิต และความน่าเชื่อถือ ประกอบกัน และตัวเขาทำเป็นต้นแบบให้เห็น
ข้อคิดสำหรับคนรุ่นใหม่ "ในโลกนี้เราสามารถที่จะทำให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้เสมอ คือความตั้งใจ ความพยายาม และรักในสิ่งที่ทำ เมื่อเราตั้งใจ และพยายามอยู่เรื่อยๆ ไตร่ตรองหาเหตุผลเสมอก็จะทำอะไรใหม่ๆได้ตลอด แล้วเราก็จะภูมิใจในสิ่งที่เราทำได้ ที่สำคัญทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเราก็จะได้ประโยชน์ด้วย และเมื่อเราคิดในสิ่งทีดี ทำในสิ่งที่ดี ก็จะได้สิ่งที่ดีๆ กลับมา”
งานที่ท้าทายจากนี้ไป คือ ทำอะไรที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ที่ทำให้พัฒนาได้เรื่อยๆ เพราะยังสนุกอยู่กับงาน ตราบใดที่สุขภาพยังโอเคอยู่ก็จะทำไปเรื่อยๆ
การพักผ่อน มีทั้งเล่นจื้อกง โยคะ ฟิตเนส ว่ายน้ำ แบดมินตัน ตีกอล์ฟ อ่านหนังสือ ดูทีวี ท่องเที่ยวทุกรูปแบบ ที่ชอบมากๆ และทำมาตั้งแต่วัยหนุ่มคือ การถ่ายภาพ และสะสมโมเดลบ้าน
เขียนเมื่อ 3 มิ.ย.2558 จากเว็บไซต์ https://www.gotoknow.org/posts/343136