แม้ว่างานจะหนักคดีจะเยอะ...แต่เมื่อเห็นคนทุกข์ยากเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วม
พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก. กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม หรือ "พี่แป๋ง"
จิตใจก็อยู่ไม่เป็นสุข เลยหาโอกาสเจียดเวลาว่างอันน้อยนิด นำเครื่องยังชีพ ข้าวสาร อาหารแห้ง ใส่เรือพายไปแจกจ่ายชาวบ้านที่เดือดร้อนใน จ.สิงห์บุรี
"ลูกน้องมาบอกว่าพื้นที่นั้นลำบากมาก วัดก็ถูกน้ำท่วมกุฏิถึงชั้นสอง จึงนำสิ่งของที่ได้รับบริจาคมาไปช่วยพวกเขา ตอนพี่ไปแบบเงียบๆ นะ ไปช่วยขนข้าวของลงเรือ นำไปมอบให้กับผู้เดือดร้อนกับมือ พี่คิดว่าเราอยู่ในจุดที่ทำได้ ก็คิดว่าได้บุญ เพราะการให้มีความสุขกว่าการรับ การที่ได้ช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนไม่ต่างอะไรกับการคลี่คลายคดีได้ จะมีความรู้สึกภูมิใจ" พ.ต.อ.ปิยะเปรียบเทียบ
นอกจากเป็นคนใจบุญแล้ว "พี่แป๋ง" ยังเป็นคนมุ่งมั่นในวิชาชีพ ไต่เต้าจากระดับชั้นประทวนเมื่อปี 2524 มุมานะศึกษาจนจบปริญญาตรี สอบเลื่อนยศจนคว้าดาวมาประดับบ่าได้สำเร็จ เมื่อปี 2528 ประเดิมด้วยตำแหน่ง รอง สว.จว.ยโสธร ก่อนมาช่วยราชการที่กองปราบปรามเมื่อปี 2531 จนปี 2534 มาประจำการอยู่กองกำกับการ 1 เป็นตั้งแต่ รองสว., สารวัตร, รองผกก. จนขยับมาเป็น ผกก.
"ผมอยู่ที่กองปราบปรามมา 24 ปี ถือว่าเป็น "ลูกหม้อ" เป็นนายตำรวจคนแรกที่อยู่ที่นี่จนมาเป็น ผกก. ใช้เวลากว่า 24 ปี" พี่แป๋งบอกด้วยน้ำเสียงภูมิใจ
ทำงานอยู่กองปราบปรามมาค่อนชีวิต ผ่านคดีหนัก-เบามาสารพัด แถมยึดครองใจลูกน้องจนอยู่มัด "พี่แป๋ง" เผยเคล็ดลับว่า จะพูดกับน้องๆ เสมอว่าอยากทำอะไรเสนอมา การได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบจะมีความสุข แล้วจะทำได้ดี แล้วก็จะคอยให้คำปรึกษาและแนะนำ และจะย้ำเสมอว่า ประชาชนไว้ใจให้เราทำคดี เพราะประชาชนเชื่อมั่นและไว้ใจเรานั่นเอง
"พี่ไม่ค่อยดุกับน้องๆ นะ ยกเว้นมีเรื่องจริงๆ พี่เข้าใจว่าคนเราผิดพลาดกันได้ แต่บางเรื่องพลาดแล้วไม่เสียหาย แต่บางเรื่องพลาดแล้วมันเสียหาย ก็จะเรียกเขามาคุยตรงๆ อย่างบอกว่า รู้ว่าเอ็งอาจจะเก่งกว่าพี่ แต่ทางที่พวกเอ็งกำลังจะเดิน พี่ผ่านมาแล้ว มันมีหลุมมีบ่อ เห็นมีหลายคนตกไปแล้วขึ้นไม่ได้ จะเป็นเหมือนพี่สอนน้องมากกว่า" พี่แป๋งยกตัวอย่าง
ด้วยความที่เป็นคนคุยสบายๆ แฝงหลักธรรมคำสอนที่ดี แต่พี่แป๋ง กลับออกตัวว่า ไม่ถึงกับเป็นคนมีธรรมะ แต่ไม่ใช่คนชั่วร้ายมากเท่านั้นเอง
"ลูกน้องมาบอกว่าพื้นที่นั้นลำบากมาก วัดก็ถูกน้ำท่วมกุฏิถึงชั้นสอง จึงนำสิ่งของที่ได้รับบริจาคมาไปช่วยพวกเขา ตอนพี่ไปแบบเงียบๆ นะ ไปช่วยขนข้าวของลงเรือ นำไปมอบให้กับผู้เดือดร้อนกับมือ พี่คิดว่าเราอยู่ในจุดที่ทำได้ ก็คิดว่าได้บุญ เพราะการให้มีความสุขกว่าการรับ การที่ได้ช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนไม่ต่างอะไรกับการคลี่คลายคดีได้ จะมีความรู้สึกภูมิใจ" พ.ต.อ.ปิยะเปรียบเทียบ
นอกจากเป็นคนใจบุญแล้ว "พี่แป๋ง" ยังเป็นคนมุ่งมั่นในวิชาชีพ ไต่เต้าจากระดับชั้นประทวนเมื่อปี 2524 มุมานะศึกษาจนจบปริญญาตรี สอบเลื่อนยศจนคว้าดาวมาประดับบ่าได้สำเร็จ เมื่อปี 2528 ประเดิมด้วยตำแหน่ง รอง สว.จว.ยโสธร ก่อนมาช่วยราชการที่กองปราบปรามเมื่อปี 2531 จนปี 2534 มาประจำการอยู่กองกำกับการ 1 เป็นตั้งแต่ รองสว., สารวัตร, รองผกก. จนขยับมาเป็น ผกก.
"ผมอยู่ที่กองปราบปรามมา 24 ปี ถือว่าเป็น "ลูกหม้อ" เป็นนายตำรวจคนแรกที่อยู่ที่นี่จนมาเป็น ผกก. ใช้เวลากว่า 24 ปี" พี่แป๋งบอกด้วยน้ำเสียงภูมิใจ
ทำงานอยู่กองปราบปรามมาค่อนชีวิต ผ่านคดีหนัก-เบามาสารพัด แถมยึดครองใจลูกน้องจนอยู่มัด "พี่แป๋ง" เผยเคล็ดลับว่า จะพูดกับน้องๆ เสมอว่าอยากทำอะไรเสนอมา การได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบจะมีความสุข แล้วจะทำได้ดี แล้วก็จะคอยให้คำปรึกษาและแนะนำ และจะย้ำเสมอว่า ประชาชนไว้ใจให้เราทำคดี เพราะประชาชนเชื่อมั่นและไว้ใจเรานั่นเอง
"พี่ไม่ค่อยดุกับน้องๆ นะ ยกเว้นมีเรื่องจริงๆ พี่เข้าใจว่าคนเราผิดพลาดกันได้ แต่บางเรื่องพลาดแล้วไม่เสียหาย แต่บางเรื่องพลาดแล้วมันเสียหาย ก็จะเรียกเขามาคุยตรงๆ อย่างบอกว่า รู้ว่าเอ็งอาจจะเก่งกว่าพี่ แต่ทางที่พวกเอ็งกำลังจะเดิน พี่ผ่านมาแล้ว มันมีหลุมมีบ่อ เห็นมีหลายคนตกไปแล้วขึ้นไม่ได้ จะเป็นเหมือนพี่สอนน้องมากกว่า" พี่แป๋งยกตัวอย่าง
ด้วยความที่เป็นคนคุยสบายๆ แฝงหลักธรรมคำสอนที่ดี แต่พี่แป๋ง กลับออกตัวว่า ไม่ถึงกับเป็นคนมีธรรมะ แต่ไม่ใช่คนชั่วร้ายมากเท่านั้นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น