"ตีโต้" ศุภนร ศุขสวัสดิ ณ อยุธยา กระโดดอีกครั้งให้ถึงฝันที่"ลอนดอนเกมส์"

21 ส.ค. 2552



แฟนกีฬาได้ชื่นชมความสำเร็จของเยาวชนไทยอย่างต่อเนื่อง หลังจาก นพวรรณ "น้องนก" เลิศชีวกานต์ สาวน้อยวัย 17 ปี

คว้าแชมป์เยาวชนหญิงเดี่ยวและคู่วิมเบิลดันสร้างชื่อกระฉ่อนคอร์ตเทนนิสโลกไปก่อนหน้านี้ อีกรายที่เพิ่งเขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการกรีฑาไทยก็คือ "ตีโต้" ศุภนร ศุขสวัสดิ ณ อยุธยา หนุ่มวัยเดียวกันที่ไปคว้าเหรียญทองกระโดดไกลด้วยสถิติ 7.65 เมตร และเหรียญเงินเขย่งก้าวกระโดดสถิติ 15.70 เมตรจากการแข่งขันกรีฑาเยาวชนชิงแชมป์โลก ครั้งที่ 6 ที่อิตาลีมาหมาดๆ

"ตีโต้" กลายเป็นนักกรีฑาไทยคนแรกที่คว้าเหรียญจากเวทีระดับโลกนี้ ซึ่งเมื่อ 2 เดือนก่อนคอลัมน์ "คนกับเกมส์" ได้นำเสนอประวัติความเป็นมาเบื้องต้นของหนุ่นรูปงามรายนี้ไปบ้างบางส่วนแล้ว ดังนั้น ครั้งนี้จะขอนำไปรู้จักเจ้าตีโต้ในแง่มุมอื่นๆ กันให้มากยิ่งขึ้น....ในฐานะคนดัง ในฐานะดาวรุ่งนักกีฬาไทยที่น่าจับตามองที่สุดในเวลานี้

ก่อนที่จะคุยกับเจ้าตัว เราไปรู้จัก "ตีโต้" จากปากของ นางอรวัลย์ ศุขสวัสดิ ณ อยุธยา ผู้เป็นแม่ โดยนางอรวัลย์ เล่าถึงวัยเด็กของลูกชายคนโตว่า ตีโต้เป็นเด็กร่าเริง ไม่ดื้อ เพื่อนเยอะ เทอมหนึ่งๆ ไปเรียนน้อย แต่พอกลับไปทีไรก็จะเป็นหัวโจกทุกที เพราะเพื่อนๆ คิดถึง โดยมีแววเป็นนักกีฬาตั้งแต่เรียนอยู่อนุบาลที่โรงเรียนดรุณนิมิตร เข้าร่วมโครงการ "ร้อนนี้มีกีฬาเพื่อลูกรัก" ที่จัดโดยสำนักงานพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ (สพก.) แทบทุกเทอม โดยตีโต้เล่นทุกกีฬาทั้งฟุตบอล, บาสเกตบอล, ลีลาศ ก่อนจะมาหัดกรีฑาตามแบบอย่างพ่อและแม่ตอนอายุราว 10 ขวบ โดยเฉพาะลีลาศทำได้ดีถึงขนาดเป็นตัวแทนจังหวัดลงแข่งกีฬาแห่งชาติ คู่กับ นันทฉัตร "แนท" อนุวงศ์เจริญ สาวดัชชี่เกิร์ล ปี 2007 ที่รูปร่างสูงไม่แพ้กัน เวลาแข่งทีไรเหมือนลงไปรังแกเด็กตีโต้กับครอบครัว

เพราะคนอื่นเขาตัวเล็กๆ กันหมด

"พ่อและแม่ไม่เคยบังคับเขานะ เหมือนกับตีโต้มีวิญญาณนักกรีฑาในตัวเขาเอง เขาอยากลองหัดฝึกกรีฑาจริงจังก็ตอนเรียนอยู่ ม.1 ที่โรงเรียนมงต์ฟอร์ตวิทยาลัย แต่กีฬาทุกชนิดที่เขาเล่นนั่นแหละ กลายเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการพัฒนากล้ามเนื้อขาในการกระโดดไกลของเขา จนมาผลิดอกออกผลในตอนนี้"

คุณแม่เล่าต่ออย่างสนุกว่า ครอบครัวมีกันอยู่ 4 คน คุณพ่อ ม.ล.จักรีพันธ์ ศุขสวัสดิ เปิดสำนักงานทนายความ ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีแม่ทำหน้าที่จัดการเอกสารต่างๆ แต่บ่อยครั้งที่เบี้ยวงานตามไปให้กำลังใจลูกรักลงแข่งขันรายการต่างๆ สมาชิกอีกคนก็คือ น้องชาย พงศ์จักรี ศุขสวัสดิ ณ อยุธยา หรือ "ตีต้า" วัย 13 ปี ก็มีแววเป็นนักกระโดดไกลเช่นกัน เคยได้รางวัลมาแล้วในรุ่นอายุของตัวเอง ตอนนี้สูง 173 เซนติเมตร อนาคตอาจจะสูงกว่าพี่ และทำสถิติได้ดีกว่าก็ได้

"อนาคตตีโต้อยากเป็นผู้พิพากษา เคยบอกกับแม่ว่า เรียนจบ ม.6 แล้ว อยากจะเรียนต่อคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ใช้ชีวิตกิน-นอน-ซ้อมอยู่ที่ศูนย์กีฬา มธ.รังสิตต่อไป ยอมรับว่าตอนนี้แม่ก็คิดถึงเขาเหมือนกัน แต่ก็คุยกันผ่านโทรศัพท์ตลอด ตีโต้จะกลับมาเชียงใหม่อีกทีก็ต้องรอจบกีฬาอาเซียนสกูลเกมส์ ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 20-29 กรกฎาคม ที่จังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อกลับมาเคลียร์งานที่โรงเรียน และสอบ แม่คงจะไม่มีอะไรมอบให้เป็นพิเศษ
ตีโต้เมื่อครั้งเป็นนักลีลาศ

แต่การได้เจอหน้าครอบครัวนี่แหละคงเป็นของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับเขาแล้ว"
ตีโต้เมื่อครั้งเป็นนักลีลาศ

ด้านคุณพ่อ ม.ล.จักรีพันธ์ อดีตนักทศกรีฑาที่เปรียบเหมือนโค้ชคนแรกของลูก ปลีกงานอันแสนยุ่งเหยิงเจียดเวลามาคุยกับทีมข่าวกีฬา "มติชน" บอกว่า สิ่งที่พ่อและแม่ช่วยกันปูพื้นฐานด้านกีฬาให้กับตีโต้ ถ้าเปรียบกับวิ่งผลัดก็เหมือนกับเป็นไม้แรกเท่านั้น ส่วนสมาคมกรีฑาฯ หรือการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) จะรับช่วงต่อไปเพื่อพัฒนาให้ดีขึ้นอย่างไรก็สุดแล้วแต่ เพราะครอบครัวจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ให้ตีโต้ก้าวข้ามเลื่อนชั้นเป็นนักกีฬาระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังของยุโรป หรืออเมริกา

อย่างไรก็ดี แม้เจ้าหนุ่มตีโต้จะเป็นถึงแชมป์กระโดดไกลเยาวชนโลก แต่เขาก็ยังใช้ชีวิตแบบปุถุชนเช่นเดิมในกรุงเทพฯ อาจจะมีผู้คนจำได้บ้างแต่ไม่มาก หลังกลับมาถึงไทยเมื่อต้นสัปดาห์ แต่หากยังเป็นช่วงที่อยู่ในเมืองเบรสซาโนเน่คงไม่ได้อยู่แบบสงบๆ อย่างนี้แน่ ตีโต้บอกว่า หลังจากได้เหรียญทอง มีกองเชียร์ที่อิตาลี ทั้งชาวยุโรป, อเมริกา หรือเอเชีย มาขอถ่ายรูปเยอะมาก ตอนเข้าไปเที่ยวในเมืองก็ยังมีคนจำได้มาทักทาย และขอถ่ายรูปอีก โดยเฉพาะสาวๆ แต่จะกับใครก็ไม่ประทับใจเท่าที่มีโอกาสได้ชักภาพร่วมกับ ไมค์ พาวเวลล์ เจ้าของสถิติโลก 8.95 เมตรชาวอเมริกัน ที่เข้ามาชมการแข่งขันในฐานะทูตของสหพันธ์กรีฑานานาชาติ

"มันเหมือนเป็นฝันของผมน่ะครับ วันหนึ่งผมจะเป็นแบบเขาให้ได้" หนุ่มเชียงใหม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อนอกไว้หลังวินาทีที่เจอฮีโร่

เจ้าของส่วนสูง 185 เซนติเมตรกล่าวต่อว่า รายการต่อไปเตรียมลงกระโดดใน "อาเซียนสกูลเกมส์" และกีฬาแห่งชาติครั้งที่ 38 "ตรังเกมส์" ระหว่างวันที่ 9-19 กันยายน ที่จังหวัดตรัง ต่อด้วยซีเกมส์ ครั้งที่ 25 ระหว่างวันที่ 9-18 ธันวาคม ที่ลาว แต่รายการหลังยังต้องลุ้นว่าจะติดทัพหรือไม่

"ผมรู้ดีว่ายังสู้นักกีฬาโตๆ ในระดับประชาชนไม่ได้ เพราะเขาแข็งแกร่ง กล้ามเนื้อแข็งแรงกว่า ความจริงที่ในการแข่งขันที่อิตาลี ก็มีนักกีฬาหลายคนที่แข็งแรง และกระโดดได้ไกลกว่าสถิติที่ผมทำได้ แต่ฟาวล์ แสดงให้เห็นว่าเทคนิคของเราดีกว่า แต่ผมก็จะไม่ฝึกแค่เทคนิคหรอก จะพัฒนาร่างกายให้แข็งแรงด้วย โชคดีนะที่ผมกินพวกมะกะโรนี พิซซ่า และสปาเกตตี้ที่อิตาลีได้ ไม่งั้นสองเหรียญนี้อดแหงๆ" ตีโต้บอก และกล่าวต่อว่า การจะก้าวสู่สนามระดับโลกจะต้องกระโดดไกลให้ได้ระยะ 8 เมตรขึ้นไป เขย่งก้าวกระโดดก็ต้องระยะ 16 เมตรขึ้นไป จะพยายามพัฒนาตัวเองเรื่อยๆ ไม่รีบร้อน เชื่อว่าจะเหนื่อยแน่ๆ แต่จะพยายามอย่างเต็มที่ มีสมาธิกับสิ่งที่รักนี้มากที่สุด

"เป้าหมายใหญ่สุด คงต้องมุ่งมั่นพยายามคว้าโควต้าไปแข่งขันโอลิมปิคเกมส์ ที่ประเทศอังกฤษ และผมเชื่อว่าผมจะต้องทำได้" ตีโต้ทิ้งท้ายเพราะถึงเวลาซ้อมพอดี

รอดูกันว่าอีก 3 ปี รอยเท้าของหนุ่มผู้แสนมุ่งมั่นนี้ จะได้จารึกอยู่บนพื้นทรายที่กรุงลอนดอนหรือไม่ โปรดติดตาม!!!

3 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ16 ธันวาคม 2552 เวลา 15:48

    ยินด้วยคับน้องรัก ที่เหรียญทองซีเกมส์

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ18 ธันวาคม 2552 เวลา 02:09

    เจ๋งมากน้อง

    พึ่งรุว่าเดกเชียงใหม่

    สู้ๆ ต่อไปนะ

    ตอบลบ
  3. ได้ 8 เมตร จริงๆ เชื่อเลย

    คิดว่าน้องได้

    จารึกรอยเท้าที่ลอนดอนแน่ๆ

    สู้ๆๆๆๆ

    ตอบลบ