จักรพรรดิถังไท่จง
22 มิ.ย. 2552
สมเด็จพระจักรพรรดิถังไท่จง(Emperor Tang Taizong)(1170-1186) จัักรพรรดิองค์ที่สองแห่งราชวงศ์ถังของประเทศจีน(ราว 1,600 ปี)ได้ยึดถือหลักคำสอนเรื่องนี้ของบรมครูขงจื่อ ในการ ปกครองประเทศจีน และทำให้ประเทศจีนในยุคที่พระองค์ทรงปกครองรุ่งเรืองที่สุดยุคหนึ่งในประวัติศาสตร์ 5 เป็นประเทศมหาอำนาจของโลกในยุดสมัยของพระองค์ราชวงศ์ถังนั้นยิ่งใหญ่มากมายนั้นเลยก็ว่าได้
แม้ว่าพระองค์ทรงมีพระราชอำนาจสูงสุด สามารถตัดสินพระทัยสั่งการใด ๆ ก็ได้ พระองค์ก็ทรงมิได้ปฏิบัติเช่นนั้น พระองค์จะไต่ถามความเห็นของเหล่าเสนาบดี และที่ปรึกษาของพระองค์ก่อนที่จะตัดสินพระทัยเสมอ โดยเฉพาะที่ปรึกษาท่านหนึ่ง นาม เว่ยจิง ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ปรึกษาของพี่ชายพระองค์ที่เป็นรัชทายาท และได้แนะนำให้พี่ชายของพระองค์ วางแผนสังหารพระองค์ เนื่องจากที่ปรึกษาท่านนี้มองเห็นว่า พระองค์จะเป็นภัยก่อการขบถยึดราชบัลลังก์ของพี่ชาย เนื่องจากถังไท่จงเหนือชั้นกว่า จึงวางแผนซ้อนแผน แทนที่พระองค์จะถูกสังหาร พี่ชายของพระองค์กลับถูกปลิดพระชนม์ชีพแทน แต่ถังไท่จงรับสั่งมิให้ทหารของพระองค์ทำร้ายที่ปรึกษาผู้นั้น นอกจากไม่ทำร้ายแล้ว พระองค์ยังทรงแต่งตั้งเขาขึ้นเป็นประธานที่ปรึกษา เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์สืบต่อจากพระราชบิดาอีก ด้วยเหตุผลก็คือ พระองค์ท่านจะได้มีที่ปรึกษาอย่างน้อยหนึ่งท่านที่คิดแตกต่าง หรือไม่เหมือนกับที่พระองค์คิด กล้าคัดค้านพระองค์อย่างตรงไปตรงมาโดยไม่เกรงกลัว หรือหวาดหวั่นต่อพระราชอำนาจ
จักรพรรดิถังไท่จงได้รับการยกย่องจากนักประวัติศาสตร์ให้เป็นมหาจักรพรรดิของจีนเพราะพระองค์แตกต่างจากจักรพรรดิทั้งปวง กล่าวคือ ไม่ว่าเชื้อพระวงศ์ก็ดี หรือเสนาบดีก็ดี หรือที่ปรึกษาก็ดีไปแอบนินทา ให้ร้ายพระองค์ลับหลัง พระองค์ก็จะทรงลงพระอาญา เพราะถือว่า พระองค์ทรงให้โอกาสวิพากษ์วิจารณ์อย่างเปิดเผย และถูกต้องแล้วบุคคลเหล่านี้กลับไม่ทำ หรือไม่ใช้โอกาสดังกล่าว กลับมาแอบทำลับหลังพระองค์ จึงต้องถูกลงโทษให้เป็นเยี่ยงอย่าง ส่วนผู้ที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ หรือคัดค้านพระองค์ต่อหน้าพระพักตร์อย่างชนิดตรงไปตรงมา อย่างเช่น อดีตที่ปรึกษาของพระเชษฐาขององค์จักรพรรดิถังไท่จงก็ทรงปูนบำเหน็จรางวัลให้เพื่อให้บรรดาเหล่าขุนนาง หรือข้าราชบริพารมีความกล้าที่จะใช้โอกาสดังกล่าวคัดค้านพระองค์ด้วยเหตุด้วยผล ไม่ใช่ไปแอบทำข้างหลัง
นอกจากนั้นพระองค์ก็ทรงปลอมเป็นสามัญชนไปกับประธานที่ปรึกษาออกตระเวนเยี่ยมประชาชนของพระองค์ และตรวจงานการปฏิบัติราชการของ เหล่าข้าราชบริพารเป็นประจำทุกปี เพื่อจะได้ทรงทราบว่า บรรดารายงานของข้าราชการที่ส่งไปให้พระองค์ทรงอ่านที่เมืองหลวงนั้นมีความถูกต้อง สอดคล้องกับความเป็นจริงมากเพียงใด ไม่ใช่ทรงอยู่แต่ในวังหลวงพึ่งพารายงานจากข้าราชการอย่างเดียว บางครั้ง หากพระองค์ประชวร พระองค์ก็จะทรงส่งประธานที่ปรึกษาของพระองค์ออกทำงานแทนพระองค์ จักรพรรดิถังไท่จงถือว่าประชาชนมีความสำคัญกว่าพระองค์ และพระราชวงศ์ เวลาพระองค์จะตัดสินพระทัยทำอะไร ก็มักจะมองไปที่ผลประโยชน์ของประชาชนก่อนเสมอ
ก่อนที่จะขึ้นครองราชย์นั้น พระองค์ทรงมีพระนามว่า "หลี ซื่อ หมิน" ประสูติเมื่อ ค.ศ.599(พ.ศ. 1142) โดยทรงเป็นพระราชโอรสองค์รองของจักรพรรดิถังเกาจู่ฮ่องเต้(หลี่หยวน)ต่อมาช่วงค.ศ.620-627 โอรสทั้ง 3 เกิดแย่งชิงอำนาจกันแต่ก็เป็น โอรสองค์รององค์ชายหลี่ซื่อหมินที่ได้ชัยชนะและบังคับให้พระราชบิดาตั้งพระองค์เป็นไท่จื้อ(รัชทายาท)ต่อมาในปีค.ศ.627้(พ.ศ. 1170)จักรพรรดิถังเกาจู่ประกาศสละราชสมบัติและรัชทายาทหลี่ซื่อหมินชันษา28พรรษาขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิถังไท่จง ทรงพระปรีชาสามารถทุกด้าน
ช่วงปลายรัชกาลได้เชิญซินแสชื่อหยวนเทียนกัง มาทำนายพระลักษณะขององค์ชายใหญ่ องค์ชาย4(หลี่ไช่)และองค์ชายเล็ก(หลี่จื้อ)ปรากฏว่าหยวนเทียนกังได้ทำนายว่าองค์ชายเล็กจะได้ครองราชย์ ถังไท่จงจึงทรงตั้งองค์ชายเล็กเป็นรัชทายาทแทนองค์ชายใหญ่เมื่อถังไท่จงสวรรคตลงเมื่อปีค.ศ.649(พ.ศ. 1192)ขณะพระชนม์ 50 พรรษา องค์รัชทายาทหลี่จื้อจึงขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิถังเกาจง
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น