พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์

4 ก.ย. 2553
โดยข่าวสด เมื่อ 4 ก.ย.2553 

บช.ก. หน่วยงานด้านสืบสวนปราบ ปรามทั่วราชอาณาจักร ได้ตำรวจมือดี พล.ต.ต. พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ รอง ผบช.ก. เข้ามาดำรงตำแหน่ง

เส้นทางของเจ้าพ่อสอบสวนกลางคนใหม่ มีความเป็นมาอย่างไร ผ่านการทำคดีสำคัญๆ มาโชกโชนแค่ไหน

ลองไปพลิกประวัติดูกัน

พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ อายุ 54 ปี เกิดเมื่อ 22 เมษายน 2499 ที่ ต.บ้านบ่อ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร

บิดา-มารดา ชื่อ นายประวัต - นางยุพิน ฉายาพันธุ์ 

ประวัติการศึกษา 

ระดับประถมศึกษา โรงเรียนวัดใหญ่บ้านบ่อ จ.สมุทรสาคร 
มัธยมศึกษา โรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย จ.สมุทรสาคร 
เข้าโรงเรียนเตรียม ทหาร พ.ศ.2515 (ตท.15) 
จบปริญญาตรี รัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต จากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.31) 
จากนั้นไปทำ ปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ด้านงานตำรวจ พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ผ่านการอบรมหลักสูตรต่างๆ มากมาย อาทิ การบริหารงานตำรวจ จากวิทยาลัยตำรวจแคนาดา ประเทศแคนาดา จบการสืบสวนจากวิทยาลัยหน่วยสืบราชการลับสหรัฐอเมริกา

ประวัติการทำงาน 
เคยเป็นสารวัตรใหญ่สถานีตำรวจนครบาลท่าพระ 
สารวัตรใหญ่สถานีตำรวจนครบาลยานนาวา 
รองผู้กำกับการหัวหน้าสถานีตำรวจนครบาลบางขุนนนท์ 
ผู้กำกับการ 1 กองปราบปราม 
ผู้กำกับการ 2 กองปราบปราม 
ผู้กำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองปราบปราม 
รองผู้บังคับการกองปราบปราม รักษาราชการแทนผู้การกองปราบปราม และเป็น
ผู้การกองปราบปราม และดำรงตำแหน่ง 
รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง 
ก่อนจะมาผงาดนั่งเก้าอี้ผบช.ก.ในตอนหลัง เป็นลูกหม้อสายตรงในหน่วยสอบสวนกลาง

ผลงานสำคัญที่เคยผ่านมือพล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ มีอาทิ 

คดีปลอมแปลงเงินตรา
ได้สืบสวนคดีธนบัตรดอลลาร์ปลอมที่ทำได้เหมือนที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกา จับกุมผู้ต้องหา คือ 

นายอาซินลี เจ้าของฉายา "คิงคอง" 
ตัวการปลอมธน บัตรและตั๋วเงิน สามารถ ยึดแท่นพิมพ์ธนบัตรดอลลาร์ปลอม ซึ่งขณะนั้นถือว่าเป็นแท่นพิมพ์ที่สามารถปลอมธนบัตรได้เหมือนที่สุด เป็นคดีประวัติ ศาสตร์ของประเทศสหรัฐอเมริกา มีผลงานแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์ประวัติ ศาสตร์หน่วยสืบราชการลับ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.

คดีเครือข่ายการค้ายาเสพติดรายใหญ่ของโลก
จับกุมนายโรแลนด์ ลอสซิกมอล ทำลายขบวนการและเครือข่ายการค้ายาเสพติดรายใหญ่ของโลก ซึ่งมีเครือข่ายหลายประเทศทั่วโลก อาทิ ประเทศแคนาดา สหรัฐอเมริกา ประเทศในกลุ่มยุโรป และกลุ่มประเทศเอเชีย (บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ พม่า ไทย ลาว) ยึดทรัพย์สินได้ประมาณ 800 ล้าน ถือเป็นคดีประวัติศาสตร์ของเมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา

จับกุมโรงงานผลิตยาบ้ารายใหญ่ 7 แห่ง (ในช่วงปี 2530-2531) 
โดยสามารถจับกุมนักเคมีชาวไต้หวัน ร่วมกับกลุ่มนายทุน ผลิตยาบ้า และยึดหัวเชื้อสำหรับผลิตยาบ้า ถือเป็นการ ทลายโรงงานผลิตยาบ้าได้มากที่สุดจนถึงปัจจุบัน จับกุมขบวนการของหนีภาษีศุลกากร มูลค่าหลายสิบล้านบาท โดย ร.ต.อ.พงศ์พัฒน์ (ยศขณะนั้น) ได้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยได้ดำเนินคดีกับนายตำรวจยศพันตำรวจเอก ซึ่งเป็นระดับหัวหน้าตำรวจจังหวัด ระดับสารวัตรใหญ่ และเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่


คดีข่มขู่ผู้บริหารบริษัท เทสโก้ โลตัส สำนักงานใหญ่ในประเทศอังกฤษ 
จับกุมนายอเล็กซานเดอร์จอห์น วินสโตน หรือ อเล็กซ์ อายุ 36 ปี สัญชาติอังกฤษ ซึ่งส่งอีเมล์ข้อความข่มขู่ผู้บริหารบริษัทเทสโก้ โลตัส ประเทศ อังกฤษ เรียกเงินจำนวน 2 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 140 ล้านบาท โดยข่มขู่ว่าหากไม่ทำตามจะผสมสารพิษปนเปื้อนในอาหารที่วางจำหน่ายในห้างโลตัส สาขาใดสาขาหนึ่ง ทางเจ้าหน้าที่หน่วยสกอตแลนด์ยาร์ด ประเทศสหราชอาณาจักร จึงได้ประสานให้ช่วยสืบสวน และได้สืบสวนจับกุมตัวนายอเล็กซานเดอร์ จอห์น วินสโตน หรือ อเล็กซ์ ผู้ต้องหาได้

คดีปล้นทรัพย์ร้านทองนวนคร 
จับกุมนายยุทธนา นึกหมาย และนายสุชาติ หรือ "อัศวิน" สิทธิทองหลวง ผู้ต้องหาที่ได้ปล้นทรัพย์ ทองคำไปกว่า 500 บาท โดยก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ได้จับกุม นายชุบ ชุมแสง, นายเชษฐ์ ชุมแสง และนายบุญถึง ทองแถม ผู้ต้อง หาจำนวน 3 คน ผิดตัว โดยพ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ ผกก.1 ป. (ยศและตำแหน่งขณะนั้น) ได้สืบสวนรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่ จนกระทั่งสามารถจับผู้ต้อง หาตัวจริงได้ และศาลได้มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 28 ก.พ. 2545 ตัดสินจำคุกนายยุทธนา และนายสุชาติ ผู้ต้องหาตัวจริงคนละ 31 ปี และได้ปล่อยผู้ต้องหาที่ตกเป็นแพะในคดีดังกล่าว 2 คน สู่อิสรภาพ

คดีฆาตกรต่อเนื่องที่เป็นผู้หญิงรายแรกในประเทศไทย นางณัฐกานต์ อนะมาน 
วางแผนจดทะเบียนสมรสกับ พล.อ.ต.กิตติพัฒน์ เมือง โคตร (เมื่อปีพ.ศ.2543) และนายอรุณ ครัวกลาง (เมื่อปีพ.ศ.2545) ทำประกันชีวิตวงเงินประมาณ 40 ล้านบาท วางยาพิษและจัดฉากอำพรางคดีเป็นอุบัติเหตุ การดำเนินการสืบสวนใช้หลักการวิเคราะห์พฤติกรรมซึ่งเป็นวิชาการสืบสวนสมัยใหม่ จนสามารถดำเนินคดีกับนางณัฐกานต์ได้ ต่อมาศาลพิพากษาลงโทษจำคุก 25 ปี

คดีฉ้อโกงบริษัทประกันภัย 
จับกุมนายพิเชษฐ์ พรตันติพงศ์ อายุ 38 ปี ในข้อหาร่วมกันพยายามฉ้อโกง โดยนายพิเชษฐ์ มีพฤติกรรมหลอกลวงบริษัทประกันภัยหลายแห่ง เพื่อเคลมเงินประกันอุบัติเหตุกรณีสูญเสียอวัยวะจากการตัดนิ้วหัวแม่มือซ้ายของตัวเองที่ทำไว้ รวมมูลค่า 16 ล้านบาท โดยคดีนี้ถือว่าเป็นอาชญากรรมรูปแบบใหม่ ที่ต้องอาศัยวิทยาศาสตร์ประยุกต์เข้ามาช่วยในการสืบสวนดำเนินคดีกับผู้ต้องหา

คดีนายวิกเตอร์ อนาโตลเจวิช บูท ผู้ก่อการร้ายระดับชาติ ที่กำลังเป็นข่าวดังในขณะนี้โดยจับกุม นายวิกเตอร์ อนาโตลเจวิช บูท อายุ 41 ปี สัญชาติรัสเซีย ผู้ต้องหา ในข้อหา "ร่วมกันจัดหาและรวบรวมทรัพย์สินเพื่อการก่อการร้าย" ซึ่งนายวิกเตอร์ เป็นหัวหน้าแก๊งค้าอาวุธสงคราม มีเครือข่ายส่งอาวุธสงครามให้กับกลุ่มกบฏที่ต่อต้านรัฐบาล และกลุ่มก่อการร้ายทั่วโลก เป็นผู้ต้องหาคนสำคัญที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ รวมทั้งประเทศสหรัฐอเมริกา ต้องการตัวมากที่สุด ได้หลบหนีเข้ามาประเทศไทย ซึ่งต่อมาทางประเทศสหรัฐอเมริกา ได้มีคำร้องขอตัวส่งผู้ร้ายข้ามแดน นายวิกเตอร์ เพื่อนำตัวกลับไปดำเนินคดี ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

คดีทุจริตการจัดซื้อของหลวงระดับชาติ เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2552 
ขณะดำรงตำแหน่ง รองผู้บัญชาการสอบสวนกลาง ได้แจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับคณะกรรมการประกวดราคา ตามคำสั่งกรมบัญชีกลาง ที่ สมพ./ก.252/2550 ลงวันที่ 2 สิงหาคม 2550 ประกอบด้วย นายตำรวจยศ พลตำรวจโท กับพวกรวม 6 คน โดยกล่าวหาว่า "ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับผลประโยชน์ กรณีกระทำผิดต่อระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535, พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542, ประมวลกฎหมายอาญาในส่วนที่เกี่ยวกับความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ" 

โดยเริ่มจากการสืบสวนข้อมูลและพฤติการณ์ ในการกระทำผิด ของกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจ ขนาด 200 ซีซี จำนวน 19,147 คัน ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประจำปี 2550 ปรากฏข้อเท็จจริงว่า การดำเนินการของคณะกรรม การประกวดราคา มีลักษณะไม่เป็นธรรม ไม่เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบ เอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายตนเองและผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อให้บริษัทเอกชนผู้ชนะการประกวดราคาจัดซื้อจัดจ้างได้รับผลประโยชน์ ทำให้ราชการเสียหาย จึงแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งหมด

ด้านงานบุ๋น 
พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ ยังสวมบทบาท "อาจารย์" 
บรรยายในวิชาสำคัญต่างๆ เป็นอาจารย์บรรยายพิเศษให้กับนักศึกษาระดับปริญญาเอกคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล 
บรรยายพิเศษให้กับนักศึกษาระดับปริญญาเอก มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต 
บรรยายพิเศษให้กับนักศึกษาระดับปริญญาเอก มหาวิทยาลัยมหิดล

โดยพล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ 
จบหลักสูตรผู้บริหารชั้นสูงของ ตร. (สถาบันพัฒนาข้าราชการตำรวจ) 
หลักสูตรผู้บริหารงานระดับกลางของ ตร. (สถาบันพัฒนาข้าราชการตำรวจ) 
หลักสูตรผู้บริหารงานระดับต้นของ ตร. (สถาบันพัฒนาข้าราชการตำรวจ) 
หลักสูตรฝ่ายอำนวยการ ตร. (สถาบันพัฒนาข้าราชการตำรวจ) 
หลักสูตรการสืบสวนคดีอาญาของ ตร. ทุกระดับ (สถาบันพัฒนาข้าราชการตำรวจ) 
หลักสูตรสืบสวนของหน่วยสืบราชการลับสหรัฐ 
จบวิชาการสืบคดีอาญา 
วิชาการสืบสวนปราบปรามยาเสพติด 
วิชาบริหารงานตำรวจ 
วิชาจิตวิทยาในการสืบสวน

ด้วยผลพวงแห่งการเรียนมากอ่านมากนี่เอง จึงทำให้พล.ต.ต.พงศ์พัฒน์ จับปากกาเขียนตำราและเอกสารทางวิชาการตำรวจแผนใหม่อีกหลายเล่ม จัดพิมพ์สำหรับใช้ประกอบการศึกษาด้านวิชาการตำรวจ ประกอบด้วย 

-ความรู้เบื้องต้นการเฝ้าสังเกตการณ์ และการสะกดรอยติดตาม พ.ศ.2536 
-ความรู้เบื้องต้นการสืบสวนอาชญากรรม พ.ศ.2537 
-วิธีปฏิบัติภาคสนามสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อรับแจ้งเหตุอาชญากรรม พ.ศ.2539 
-ความรู้เบื้องต้นการปฏิบัติงานตำรวจชุมชนสัมพันธ์ และตำรวจผู้รับใช้ชุมชน พ.ศ.2540 
-มุมมองใหม่การจัดการองค์กรตำรวจศตวรรษที่ 21 พ.ศ.2542 
-การปฏิบัติงานสืบสวนคดีฆาตกรรมในศตวรรษที่ 22 พ.ศ.2544 
-คิดเทคนิคใหม่ วิธีการสะกดรอยระยะไกลที่มีประสิทธิภาพโดยลดการใช้ยานพาหนะและกำลังคนให้วงการตำรวจทั่วโลกถึงปัจจุบัน

นอกจากวิชาการแล้ว ผบช.ก.คนใหม่คนนี้ ยังเป็น

ผู้ก่อตั้งหน่วย "วิเคราะห์พฤติกรรมศาสตร์" 
เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้กำกับการ 2 กองปราบปราม โดยการนำหลักวิชาการมาใช้ในการสืบสวน เพื่อรองรับเทคนิคการสืบสวนสมัยใหม่ ซึ่งจะทำให้การสืบสวนเที่ยงตรง แม่นยำขึ้นและสามารถค้นหาความจริงในคดีต่างๆ ได้มาก โดยเฉพาะคดีที่คนร้ายกระทำผิดซ้ำๆ หรือคดีที่มีลักษณะขององค์กรอาชญากรรม ซึ่งเป็นหน่วยวิเคราะห์พฤติกรรมศาสตร์ที่ตั้งขึ้นในวงการตำรวจแห่งแรกของเอเชีย โดยมีผลงานของหน่วยที่เป็นที่ประจักษ์ คือ คดีการเสียชีวิตของ พลอากาศตรี กิตติพัฒน์ เมืองโคตร และนายอรุณ ครัวกลาง ซึ่งเสียชีวิตขณะที่มี

นางณัฐกานต์ อนะมาน เป็นภรรยา 
ซึ่งสามารถสืบสวนจนทราบว่าเป็นการฆาตกรรมอำพรางจนกระทั่งมีการจับกุมตัวนางณัฐกานต์ดำเนินคดี และต่อมาศาลพิพากษลงโทษจำคุก รวม 25 ปี

นี่คือเส้นทางของผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางคนใหม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น