พล.ต.ต.นพดล เผือกโสมณ

29 ต.ค. 2552
โดย พล.ต.อ.อชิรวิทย์ เมื่อ 22 เมษายน 2550

เสียงระเบิดดังกึกก้องขึ้นทันทีที่เท้าซ้ายสวมใส่รองเท้าคอมแบตของ พ.ต.อ.นพดล เผือกโสมณ รอง ผบก.ภ.จว.นราธิวาส ย่ำลงไปบนระเบิดกับดักตอกย้ำการพัฒนาวัถตุระเบิดอีกขั้นหนึ่งของกลุ่มก่อความไม่สงบ 3 จชต. จากเดิมที่ใช้ระเบิดแสวงเครื่องจุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือรีโมทคอนโทรลสายชนวนลากยาว หรือตั้งเวลาด้วยนาฬิกาดิจิตอลอานุภาพของระเบิดและทิศทางพุ่งขึ้นตรงส่งผลให้ขาซ้ายท่อนล่างปลิวหายไป พร้อมกับตัดมือซ้ายตั้งแต่ข้อมือขาดออกสะเก็ดระเบิดทำอันตรายต่อร่างกายซีกซ้ายบางส่วนหลุดเข้าไปฝังในดวงตาข้างซ้ายโชคดีที่ร่างกายท่อนบนรวมทั้งอวัยวะภายในไม่ได้รับผลกระทบสื่อทุกประเภทรายงานเหตุการณ์อย่างละเอียดถึงความกล้าหาญเสียสละของนายตำรวจผู้กล้ารายนี้เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่ พ.ต.อ.นพดลต้องเสี่ยงอันตรายและประสบเคราะห์กรรมจากการปฏิบัติหน้าที่

ย้อนหลังไปเมื่อปี พ.ศ.2546 ขณะดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.อ.ระแงะ จว.นราธิวาส เขาเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด เมื่อบุกเข้าไปช่วยเหลือ ตชด. 2 นาย ที่พลัดหลงเข้าไปในกลุ่มชนผู้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นโจรนินจาเหตุการณ์ครั้งนั้น


ตำรวจพลร่ม 2 นาย ต้องเสียชีวิตจากการถูกกลุ้มรุมทำร้าย พ.ต.อ.นพดล ได้รับบาดเจ็บสาหัส สมองได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนัก ต้องพักรักษาตัวนานกว่า 2 เดือนวีรกรรมดังกล่าว

พ.ต.อ.นพดลได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระราชทานดอกไม้และเงินขวัญถุงจำนวนหนึ่งซึ่ง พ.ต.อ.นพดล มิได้นำมาใช้จ่ายแต่อย่างใด หากแต่ได้เก็บไว้เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง
และครอบครัวครั้งนี้ก็เช่นกัน

ทันทีที่ความทราบถึงพระเนตรพระกรรณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ  พระบรมราชินีนาถ มีรับสั่งผ่านราชเลขานุการไปยังผู้อำนวยการโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ให้ พ.ต.อ.นพดลเป็นคนไข้ ในพระบรมราชานุเคราะห์ ยังความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นต่อครอบครัว "เผือกโสมณ" และเพื่อนข้าราชการตำรวจที่รักใคร่ใกล้ชิด พ.ต.อ.นพดล ตัวตนของ พ.ต.อ.นพดลเป็นอย่างไร สื่อมวลชนทุกประเภทได้นำเสนอแง่มุมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ผู้เขียนในฐานะเป็นครู, พี่,และเพื่อนร่วมงานที่รู้จักสนิทสนมกับพ.ต.อ.นพดลมาช้านาน

ตั้งแต่เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจชั้นปีที่ 1 เมื่อปี พ.ศ. 2521 โดยเฉพาะในช่วง 3 ปี ของสงครามแย่งชิงประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ความสัมพันธ์ของเราเปลี่ยนแปลงเป็นลักษณะเพื่อนร่วมตาย (Buddy)


เพราะทุกครั้งที่ผู้เขียนลงมาปฏิบัติภารกิจ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ต.อ.นพดล จะต้องเป็นผู้กำหนดการ วางแผน และร่วมเดินทางไปด้วย โดยตลอดเวลาเราสองคนสวมเครื่องแบบตำรวจใช้ยานพาหนะเป็นรถยนต์ส่วนบุคคลปราศจากการเฝ้าระวังพื้นที่ในทุกจุดที่ต้องเข้าไปเยี่ยมเยียนครอบครัวตำรวจที่บาดเจ็บ หรือเสียชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ยะหา บันนังสตา เจาะไอร้อง ระแงะ กรงปีนัง ฯลฯ

เหตุผลที่ไม่ปิดบังอำพรางการแต่งกาย เป็นเพราะคำพูดของ พ.ต.อ.นพดล ที่บอกกับผู้เขียนบ่อยครั้งว่า
"ตายในเครื่องแบบตำรวจ เป็นการทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์สมบูรณ์แบบ" ทุกเส้นทาง พ.ต.อ.นพดลจะบรรยายเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ณ จุดนั้นๆ พร้อมทั้งแสดงความคิดเห็นถึงวิธีการแก้ไขปัญหา
ตัวอย่างเช่น


การถูกซุ่มโจมตีเป็นเพราะการเข้า-ออกในเส้นทางซ้ำกัน

การเคลื่อนจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งเป็นระยะเวลาที่แน่นอน เปิดช่องว่างให้ฝ่ายตรงข้ามทำอันตรายได้

ข้อมูลทั้งสถานที่และตัวบุคคลหรือแม้กระทั่งชื่อของผู้ต้องหา ผู้ต้องสงสัยเป็นภาษาอาหรับหลั่งไหลจากสมองของ พ.ต.อ.นพดลเหมือนเก็บไว้ด้วยคอมพิวเตอร์

แสดงให้เห็นถึงความเอาใจใส่ เรียนรู้ และแม่นยำในข้อมูลเป็นอย่างมาก

ที่น่าประทับใจมากก็คือ พ.ต.อ.นพดลได้รับการยอมรับจากส่วนราชการอื่นพ่อค้าและประชาชน เพราะทุกครั้งที่ต้องหยุดพักเพื่อตั้งหลักหรือรับประทานอาหารจะต้องมีผู้คนมาสนทนาแสดงความดีใจที่ พ.ต.อ.นพดลได้แวะมาเยี่ยมเยียนบ่อยครั้งจะได้รับของฝากทั้งอาหารและผลไม้จากชาวบ้าน

พ.ต.อ.นพดล มีภาวะผู้นำสูงยิ่งตั้งแต่เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจได้รับคัดเลือกจากผู้บังคับบัญชาให้เป็นนักเรียนปกครอง ที่สำคัญยังเป็นนักกีฬาระดับหัวหน้าทีมรักบี้ฟุตบอลของ ร.ร.นรต.อีกด้วยคุณสมบัติดังกล่าวจึงหล่อหลอมตัวตนของ พ.ต.อ.นพดลให้มีจิตใจสูงรู้จัก แพ้ ชนะและให้อภัย

ภายหลังสำเร็จการศึกษาออกมารับราชการในพื้นที่ภาคใต้จนได้รับเลื่อนยศเป็น ร.ต.อ.จึงได้ย้ายกลับไปเป็นนายตำรวจฝ่ายปกครองนักเรียนนายร้อยตำรวจในตำแหน่งผู้บังคับกองร้อยที่ 1นรต.รุ่นที่ 48 ใต้ปกครองดูแลของ ร.ต.อ.นพดล กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า "ผู้กองป๋อง" เป็นแบบฉบับของนักเรียนนายร้อยตำรวจ ประพฤติตนเป็นแบบอย่างนักเรียนจะวิ่ง ฝึก ผู้กองป๋องวิ่งด้วย ฝึกด้วย ถึงเวลากระโดดร่ม ผู้กองป๋องกระโดดดิ่งพสุธา (กระโดดร่มแบบกระตุกเอง) ให้นักเรียนได้ดูก่อนเป็นตัวอย่างเพื่อสร้างความเชื่อมั่น สร้างขวัญให้ทุกคนเห็นว่าความกลัว ระงับได้ด้วยสติบรรเทาได้ด้วยการฝึกอย่างหนัก อดทน เหนือสิ่งอื่นใด

ผลสะท้อนที่เกิดขึ้นภายหลังประสบเคราะห์กรรมล่าสุด จึงทำให้ชาวอำเภอหาดใหญ่ แห่แหนกันไปบริจาคโลหิตจนล้นโรงพยาบาลสงขลานครินทร์และชาวนราธิวาสหลายร้อยได้ รวมพลังชุมนุมให้กำลังใจถือป้ายยกย่องเป็น
"วีรบุรุษของชาวนราธิวาส"  "พ.ต.อ.นพดล ตำรวจตงฉิน เสียสละเพื่อชาติ ขอให้พระเจ้าคุ้มครองคนดี"

ทั้งที่ในความเป็นจริง ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่ พ.ต.อ.นพดลจะคุยโตโอ้อวดว่า ตนเป็นคนกล้าหาญ เป็นนักรบ เป็นวีรบุรุษ หรือเป็นผู้เสียสละหากแต่เป็นผู้ลงมือปฏิบัติให้ผู้อื่นเห็นเป็นที่ประจักษ์เป็นแบบอย่างของผู้ใต้บังคับบัญชาและกล่าวขวัญของประชาชนสังคมปัจจุบัน

ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง จึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีบุคคลที่(ทึกทักเอาเองว่าตน) เป็นวีรบุรุษ ออกมาป่าวประกาศถึงความองอาจกล้าหาญหน้าตาเฉยต่อสาธารณชนพฤติกรรมของ พ.ต.อ.นพดลจึงเป็นเรื่องอปกติอย่างยิ่ง
เป็นอปกติที่ตรงกับคำว่า "ปิดทองหลังพระ" ซึ่งมีความหมายว่าทำความดีเพื่อความดีและให้ความดีนั้นเตือนตน มุ่งมั่นทำความดีงามยิ่งขึ้นไปโดยไม่จำเป็นต้องหวังผลตอบแทนจากการทำความดีไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของ ลาภ ยศ สรรเสริญตราแผ่นดินหน้าหมวกตำรวจมีข้อความเป็นธรรมะว่า

สัพเพสัง สังฆภูตานัง สามัคคี วุฑฒิสาธิกา 

ซึ่งแปลว่า ความพร้อมเพรียงในหมู่ชน ยังความเจริญให้สำเร็จ

และมีคำว่า

"พิทักษ์สันติราษฎร์" อยู่ตรงกลางคำบาลีดังกล่าวความเสียสละทั้งอวัยวะ หรือแม้แต่ชีวิตของ พ.ต.อ.นพดล เผือกโสมณ จึงเป็นไปเพื่อรักษาธรรมข้างต้นโดยแท้..!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น