พล.ต.ต.นพดล เผือกโสมณ รับรางวัลพันท้ายนรสิงห์ ปี2550

30 ต.ค. 2552
โดย มติชน วัน ศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2551 00:35 น.


เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม พลตำรวจตรี นพดล เผือกโสมณ รองผู้บังคับการกองบังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 9 รักษาราชการแทน ผู้บังคับการกองบังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค 9 เข้ารับรางวัลพันท้ายนรสิงห์ ปี 2550 จาก พลเอก พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรีและประธานมูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ ซึ่งเป็นประธานมอบรางวัล ในฐานะที่เป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม มีความกตัญญู กล้าหาญ และเสียสละเพื่อปกป้องสถาบันสำคัญของชาติเช่นเดียวกับพันท้ายนรสิงห์พลเอก พิจิตร กุลละวณิชย์ องคมนตรีและประธานมูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ กล่าวว่า มูลเหตุของการมอบรางวัลพันท้ายนรสิงห์ เนื่องจากคณะกรรมการมูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติพิจารณาเห็นว่า ในสภาพสังคมปัจจุบันมีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมาก และมีการแข่งขันทางเศรษฐกิจสูง แต่กลับไม่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาสังคม

ดังนั้น คณะกรรมการฯ จึงเห็นสมควรจุดประกายวีรกรรมและคุณความดีของพันท้ายนรสิงห์ให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคมไทย โดยการสรรหาและคัดเลือกบุคคลที่มีแนวคิด อุดมการณ์ อันนำไปสู่พฤติกรรมที่แสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนว่าเป็นผู้มีคุณธรรม จริยธรรม มีความกตัญญู กล้าหาญ และเสียสละเพื่อปกป้องสถาบันสำคัญของชาติเช่นเดียวกับพันท้ายนรสิงห์ แล้วนำมายกย่องประกาศเกียรติคุณและมอบรางวัลชื่อว่า "รางวัลพันท้ายนรสิงห์”

เพื่อยกย่องสดุดีวีรกรรมของพันท้ายนรสิงห์ให้เป็นที่ประจักษ์ เผยแพร่คุณความดีของท่านให้แพร่หลายเพื่อเป็นแบบอย่างให้เยาวชนยึดถือเป็นแนวทางในการปฏิบัติตน และเพื่อสร้างความภาคภูมิใจและขวัญกำลังใจให้กับผู้ที่ได้รับรางวัลอันจะนำไปสู่การสร้างสรรค์ความดีอย่างต่อเนื่องต่อไป

ประธานมูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติกล่าวต่อไปว่า

การสรรหาและคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับรางวัลนี้เป็นไปด้วยความยากลำบากยิ่ง เนื่องจากมีบุคคลและหน่วยงานต่างๆ คัดสรรบุคคลหลากหลายอาชีพเสนอมายังคณะกรรมการฯ จำนวนมากถึง 333 ราย ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่มีคุณงามความดีทั้งสิ้น ด้วยเหตุที่รางวัลนี้เป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ และมีความสำคัญยิ่งคณะกรรมการฯ จึงได้ค้นหาข้อมูลทั้งเชิงลึกและเชิงกว้างจากแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมนอกเหนือจากเอกสารที่เสนอมา เพื่อให้บุคคลที่ได้รับการคัดเลือกเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติสมควรได้รับรางวัลนี้ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้อย่างแท้จริง และเป็นที่ยอมรับของสังคมอย่างกว้างขวาง ซึ่งหลังจากคณะกรรมการฯ ได้พิจารณากันอย่างรอบคอบละเอียดถี่ถ้วนและเป็นธรรมแล้วมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ พลตำรวจตรี นพดล เผือกโสมณ รองผู้บังคับการกองบังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค ๙ รักษาาชการแทนผู้บังคับการกองบังคับการอำนวยการตำรวจภูธรภาค ๙ เป็นผู้ที่สมควรได้รับรางวัลพันท้ายนรสิงห์ พ.ศ.2550

ประธานมูลนิธิเสริมสร้างเอกลักษณ์ของชาติ กล่าวตอนท้ายว่า

เหตุที่พลตำรวจตรี นพดล เผือกโสมณ ได้รับคัดเลือกเนื่องจากท่านเป็นผู้ที่ประพฤติปฏิบัติตนซึ่งแสดงถึง

ความเป็นผู้มีคุณธรรม

จริยธรรม

มีความซื่อสัตย์สุจริต

เสียสละ

รักษาระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด

มีความรับผิดชอบอย่างสูงยิ่งในหน้าที่

กล้าหาญไม่ย่นย่อท้อถอย

ไม่หวั่นไหวต่ออุปสรรคหรือภยันตรายใดๆ

ยอมเสียสละประโยชน์ส่วนตน

เพื่อปกป้องและเชิดชูสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์

มีความมุ่งมั่นในการปฏิบัติงานเกี่ยวกับการควบคุมสถานการณ์ต่างๆ

โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี โดยไม่หวั่นเกรงภยันตรายต่อชีวิตแต่อย่างใด แม้จะเคยได้รับบาดเจ็บสาหัสถึง 2 ครั้ง

โดยครั้งแรกจากการเข้าไปช่วยตำรวจตระเวนชายแดน 2 นาย ซึ่งถูกชาวบ้านรุมทำร้ายจนเสียชีวิต เพราะเข้าใจว่าเป็นโจรนินจา ตัวท่านเองได้รับบาดเจ็บสาหัส โดนตีที่ศีรษะจนกระทบก้านสมอง ต้องทำกายภาพบำบัด และฝึกเดินนานเป็นปี เมื่อออกจากโรงพยาบาลได้กลับไปปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยความทุ่มเท และเสียสละอีกเช่นเดิม จนได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกครั้งเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2550

จากเหตุการณ์กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบได้ลอบวางระเบิดในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส รวม 9 จุด และ

ด้วยความที่ท่านเป็นตำรวจที่มีจิตสำนึกความเป็นผู้นำท่านจึงออกไปปฏิบัติงานในสนามร่วมเป็นร่วมตายกับผู้ใต้บังคับบัญชา ในครั้งนี้เองท่านเหยียบกับระเบิดจนทำให้ขาข้างซ้ายเหนือบริเวณ ข้อเท้าขาด มีบาด
แผลฉีกขาดบริเวณต้นขา กล้ามเนื้อขาดและตายเป็นบริเวณกว้าง มือด้านซ้ายบริเวณข้อมือขาดเกือบหมด กระดูกข้อมือแตกละเอียด กระดูกแข้งด้านขวาแตก และตาด้านซ้ายได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ต้องพักรักษาตัวอยู่นานแรมปีอีกเช่นกัน

แต่ทันทีที่ท่านรู้ว่าโดนระเบิด ท่านได้บอกกับตัวเองตลอดเวลาว่า

"จะยอมตายง่ายๆ ไม่ได้ เพราะเหยียบโดนระเบิดง่ายๆ แค่นี้ มันตายง่ายเกินไป ต้องไม่ตาย”

แม้ท่านจะได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ไม่ได้ท้อถอยเลย

แต่กลับเป็นการกระตุ้นเตือนให้ท่านอยากรีบกลับไปปฏิบัติหน้าที่เพื่อแผ่นดินโดยเร็ว

เหตุที่ท่านบอกตัวเองว่าไม่อยากตายไม่ใช่ท่านกลัวตาย แต่ท่านอยากมีชีวิตอยู่เพื่อทำหน้าที่นี้เพื่อประเทศชาติให้มากยิ่งขึ้น พลตำรวจตรี นพดล เผือกโสมณ

นายตำรวจกล้าแห่งบางนราใจเพชรท่านนี้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยจิตวิญญาณแห่งการเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฏร์อย่างแท้จริง ด้วยความกล้าหาญ ทุ่มเท เสียสละ อดทน เอาชีวิตเข้าแลกเพื่อแผ่นดินมาหลายครั้ง โดยไม่ย่อท้อ ท่านเป็นวีรบุรุษของชาติที่เป็นต้นแบบของคนดีที่กล้าหาญและเสียสละเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจและประชาชนทั่วไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น