ประวัติ parkour

14 ส.ค. 2555
โดย http://goo.gl/gj36n

Parkour

(บางครั้งเรียกย่อว่า PK) หรือ l'art du déplacement (แปลว่า The art of moving)

เป็นการฝึกที่จะเอาชนะอุปสรรคในเส้นทางหนึ่งๆ ด้วยท่าทางต่างๆตามธรรมชาติ Parkour ไม่ใช่การแข่งขัน Parkour ใช้ในการเดินทางโดยพยายามที่จะผ่านอุปสรรคให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด หรือในสถานะการฉุกเฉิน

ทักษะต่างๆเช่น การกระโดด การปีน หรือท่าทางพิเศษอื่นๆใน Parkour ได้ถูกใช้จริงแล้ว จุดประสงค์หลักของ Parkour คือ การไปจากสถานที่หนึ่งไปสถานที่อื่นๆโดยใช้เฉพาะ ร่างกายของเรา และ ของต่างๆในสิ่งแวดล้อม อุปสรรคอาจจะเป็นได้ทุกอย่างหนึ่งในนั้นก็อาจจะเป็นธรรมชาติ แต่ Parkour พบบ่อยว่าฝึกในเขตชุมชนเมือง เพราะว่ามีสิ่งก่อสร้างสาธรณะที่เหมาะสม เช่น ตึก หรือ ราวต่างๆ

บางครั้ง FreeRunning ก็จะเป็นคำที่ใช้แทน Parkour ในขณะเดียวกัน FreeRunning เน้นที่ความสวยงามของการเคลื่อนไหวและหาวิธีการสร้างสรรค์ที่จะ ข้ามผ่านอุปสรรคมากกว่าที่จะใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพหรือง่ายๆ

อย่างไรก็ตามบางครั้งมีการโต้แย่งข้อกำหนดของคำทั้งสองคำอย่างแน่นอน

ผู้ที่ฝึก Parkour จะถูกเรียกว่า traceur หรือถ้าเป็นผู้หญิงจะเรียกว่า traceuse

Parkour อาจจะได้เปรียบเทียบกับ Martial arts ได้ โดยในเดือนกันยายน 2552 American Parkour เริ่มที่จะเปิดเป็นกลุ่มของ Parkour โดย American Parkour ได้เชิญชวนผู้คนเข้าร่วมกลุ่มนี้ โดยการ Post ข้อมูลทางด้าน Parkour ของตัวเอง โดยได้พัฒนามาโดยผู้ที่ทำงานให้ American Parkour และบุคคลนอก American Parkour เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นความพยายามอย่างที่สุดของพวกเขา

ผลที่ได้ทำให้ Parkour เป็นวินัยในการฝึกทางกายเพื่อเอาชนะอุปสรรคใดๆในเส้นทางโดยการเคลื่อนไหวตามสภาพแวดล้อม

สิ่งที่ Parkour ต้องการในการเล่นคือ ความอดทน ความแข็งแรง ความสามารถทางกายภาพ ความสมดุล ความคิดสร้างสรรค์ ความลื่นไหล การควบคุม ความแม่นยำ มีสติ และการมองสิ่งต่างและคิดที่จะใช้มันอย่างไร

ท่าทางของ Parkour โดยปรกติจะมี การวิ่ง การกระโดด การข้าม การปีน การทรงตัว และท่าทางของสัตว์ โดยท่าทางอย่างอื่นมักมีการมารวมด้วย แต่การใช้ท่า Trick เพียงอย่างเดียวไม่จัดว่าเป็น Parkour

การฝึก Parkour จะเน้น ความปลอดภัย ความรับผิดชอบ และการพัฒนาตัวเอง โดยมันมีความเสี่ยงหลายอย่างเช่นการ โชว์ หรือ อันตรายจากท่าสตั้น

ผลที่ได้จากการฝึก Parkour คือ สังคม ความสามัคคี การแลกเปลี่ยนความรู้ และเป็นสิ่งที่สำคัญคือการเล่นในชีวิต ในขณะที่แสดงความเคารพให้ผู้คน สถานที่ และ ที่ว่างต่างๆ

ศัพท์ต่างๆ

แรกเริ่มแล้วเป็นการฝึกที่เรียกว่า l'art du déplacement and le parcours.

Parkour ได้รับการตั้งโดย Hubert Koundé จากคำว่า parcours du combattant จากการฝึกข้ามสิ่งกีดขวางของทหารที่เสนอโดย Georges Hébert.

Traceur และ traceuse ตั้งมาโดย กริยาของ French ที่เรียกว่า tracer ที่แปลว่า "to trace (เขียน, ลากเส้น)", หรือ "to draw (วาด)", แต่ก็เป็นคำ slang ของ "to go fast (เพื่อที่จะไปเร็ว)".

ประวัติต่างๆของ Parkour

Hébert's legacy

โดย Georges Hébert

ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 Georges Hébert ทหารเรือฝรั่งเศส ได้ออกเดินทางไปที่ต่างๆในโลก ขณะที่ไป Africa เขาได้ประทับใจการบริหารร่างกายและความสามารถของชนพื้นเมืองที่เขาพบ

โดยร่างกายของพวกเขา ผอมสวย คล่องตัว คล่องแคล่ว ทักษะสูง และ ทนทาน ถึงแม้พวกเขาไม่มีอาจารย์สอนยิมนาสติกและอาศัยในธรรมชาติ

ในวันที่ 8 พฤษภาคม ปี 1902 เมือง Saint-Pierre, Martiniqie เมืองที่เขาพักอยู่ขณะนั้น ได้ประสบกับภูเขาไฟระเบิดของภูเขา Pelée.

Hébert ประสานงานที่จะช่วยผู้คน 700 คน ประสบการณ์นี้มีผลลึกซึ้งกับเขา และเสริมความเชื่อของเขาที่จะต้องมีทักษะกีฬารวมกับความกล้าหาญและความบริสุทธิ์ใจ และเขาก็ได้เอามาเป็นคำขวัญของเขาเอง "être fort pour être utile"(Be strong to be useful)

แรงบันดาลใจจากชนเผ่าพื้นเมือง Hébert ได้เป็น ผู้กวดวิชาพลศึกษาที่ The college of Reims ในฝรั่งเศส เขาเริ่มกำหนดหลักการของวิชาพลศึกษาของเขาเอง และเขาได้สร้างตัวช่วยและแบบฝึกหัดของเขาเองที่เรียกว่า méthode naturelle ( Natural Method )

Hébert ได้ตั้ง méthode naturelle ซึ่งประกอบไปด้วยพื้นฐาน 10 อย่างคือ การเดิน, การวิ่ง, การกระโดด, กระขยับทั้งสี่ส่วน(แขน2ขา2), การปีน, การทรงตัว, การโยน, การยก, การป้องกันตัว, การว่าย ที่เป็นส่วนหนึ่งในสามกำลังหลักคือ

- พลังหรือกำลัง

- คุณธรรม

- ร่างกาย

ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 Hébert ได้ฝึกสอนอย่างต่อเนื่องและขยายเป็นวงกว้าง และได้กลายเป็นระบบพื้นฐานของการฝึกสอนทหารของฝรั่งเศส ดังนั้น Hébert คือผู้หนึ่งในผู้สร้าง Parcours 

หลักสูตรการข้ามสิ่งกีดขวางที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวสวิซ คือ พื้นฐานของการฝึกทหาร ซึ่งนำไปสู่การออกกำลังกายของคนทั่วไปและหลักสูตรด้านความเชื่อมั่น และนอกจากนั้น ทหารและนักดับเพลิงชาวฝรั่งเศสได้พัฒนาหลักสูตรข้ามสิ่งกีดขวางที่เป็นที่รู้จักเรียกว่า parcours du combattant และ parcours SP

ครอบครัว Belle

Raymond Belle 

เกิดที่ฝรั่งเศสอินโดจีน(ตอนนี้เรียกว่าเวียดนาม) พ่อของเขาตายในสงครามอินโดจีนครั้งแรก และ Raymond ได้แยกกับแม่ตอนประเทศกลายเป็นเวียดนามเมื่อปี 1954 เขาได้ถูกเลี้ยงดูโดยทหารชาวฝรั่งเศสในดาลัด และได้เข้ารับการฝึกเป็นทหาร

หลังจาก "การต่อสู้เดียนเบียนฟู"(Battle of Dien Bien Phu) Raymnd ได้ถูกส่งกลับฝรั่งเศส และ เรียนวิชาทหารจบในปี 1958 ตอนอายุ 19 เขาได้อุทิศตัวให้การออกอำลังกายที่ช่วยให้เขาช่วยให้เขาเป็นหนึ่งใน นักดับเพลิง ด้วยความคล่องตัวของเขา เขาได้กลายเป็น

แชมป์นักปีนเชือกของกรมทหาร 

และได้กลายเป็นหน่วยยอดของกรมทหาร ซึ่งประกอบไปด้วยคนที่ฟิตที่สุดและนักพจญเพลิงที่คล่องตัวที่สุด สมาชิกในหน่วยนี้ได้ถูกเรียกให้ทำภารกิจช่วยเหลือที่ยากและอันตรายที่สุด

เขาได้รับการยกย่องด้าน ความเยือกเย็น ความกล้าหาญ และ เสียสละ Raymon ได้เป็นบทบาทสำคัญของภารกิจเฮลิคอปเตอร์ดับเพลิงครั้งแรกในปารีส หลายความช่วยเหลือ เหรียญ และ ประโยชน์ ของเขาทำให้เขาได้รับชื่อเสียงและเป็นแรงบัลดาลใจให้คนรุ่นต่อไป โดยเฉพาะลูกของเขา David Belle

David Belle

เกิดในครอบครัวนักพจญเพลิง และได้รับอิทธิพลจากเรื่องราวของความเป็นวีรบุรุษ Raymond ได้นำ David เข้ารับการฝึกข้ามสิ่งกีดขวางและ méthode naturell - David ได้มีส่วนร่วมในหลายๆกิจกรรม เช่น ศิลปการต่อสู้ ยิมนาสติก ฯลฯ และใช้ความสามารถทางด้านกีฬาของเราในการปฏิบัติ 

และเมื่ออายุ 17 เขาได้ออกจากโรงเรียนเพื่อหาอิสระและความแข็งแกร่ง เขาได้พัฒนาความแข็งแรงและความชำนาญที่ใช้ในชีวิตประจำวันของเขาเรื่อยมาดังที่พ่อของเขาได้นำไว้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น