ในห้องทำงานเล็กๆ ด้านล่างตึกกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ตำรวจชาย-หญิงกลุ่มหนึ่งก้มหน้าทำงานอย่างขะมักเขม้นตั้งแต่เช้าตรู่ พวกเขาและเธอกำลังง่วนอยู่กับการตัดข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ฉบับต่างๆ
ก่อนจะจัดลงแฟ้มเอกสารแยกตามกองบังคับการตำรวจนครบาล 1-9 (บก.น.1-9) บนโต๊ะทำงานและพื้นห้องเต็มไปด้วยเศษกระดาษที่ขาดกะรุ่งกะริ่ง กรรไกร และกาว มีตั้งแต่ข่าวที่เกี่ยวกับสีกากีโดยตรง เช่น ตั้งแต่ตำรวจทำดี ตำรวจนอกแถว เรื่องร้องเรียน ไปจนถึงเรื่องม็อบหลากสีและที่พาดพิงถึงตำรวจทุกกรณี
ข่าวเหล่านี้จะถูกนำเสนอเหมือนอาหารเช้าแก่นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เพื่อพิจารณาสั่งการตามแต่จะเห็นสมควรว่าจะแก้ไขหรือปรับปรุงอย่างไร เพื่อส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของตำรวจเป็นดั่งที่พึ่งของประชาชน...ตลอดไป
นายตำรวจหนุ่มร่างเล็กผมสั้นในชุดสีกากีกระชับอย่างคนที่ผ่านการฝึกฝนและออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ ในฐานะหัวหน้าแผนก บุคลิกแจ่มใส อัธยาศัยดี ตามแบบฉบับนักประชาสัมพันธ์องค์กร ร.ต.อ.เนติ วงษ์กุหลาบ เป็นหนึ่งในฟันเฟืองความสำเร็จของคลิปข่าวที่นำเสนอผู้บังคับบัญชาในแต่ละเช้า ตรงกันข้ามกับเบื้องหลังอันแสนยุ่งเหยิงและวุ่นวาย
ใช่แล้ว ! สบายๆ สไตล์สีกากีฉบับนี้จะพาไปพบกับตำรวจหนุ่มไฟแรง อดีตนักกีฬาฟุตบอลโรงเรียนตั้งแต่ประถมจนจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แถมปัจจุบันยังเป็นนักฟุตบอลสโมสรเพื่อนตำรวจ (สโมสรตำรวจ) มี พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. เป็นประธาน
ตลอดสัปดาห์ทำงาน สว.ประชาสัมพันธ์ บช.น. จะแบ่งเวลาช่วงเย็นหลังเลิกงานและวันหยุดให้แก่การฝึกซ้อม และแข่งขันกีฬาลูกหนังสุดโปรดสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ด้วยความคุ้นเคยกับกีฬาชนิดนี้ บวกกับประสบการณ์จากการลงชิงชัยทั้ง "ยูลีก" การแข่งขันฟุตบอลระดับมหาวิทยาลัย หรือแม้แต่กีฬา 4 เหล่าทัพ จนสามารถคว้าแชมป์มาครองได้ 3 สมัยซ้อน ยิ่งเมื่อได้มาเล่นฟุตบอลสโมสรเพื่อนตำรวจยิ่งทำให้ได้รู้จักผู้คนจากหลากสาขาอาชีพมากขึ้น ซึ่งเขาบอกว่าดีต่องานประชาสัมพันธ์ เพราะนอกจากจะใช้ความสามารถแล้ว ยังต้องอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัวแบบพิเศษ ชนิดที่ว่าเคยคั่วแข้งกันบนสนามหญ้าด้วยกัน (ฮา)
"ฟุตบอลเป็นกีฬาที่เรารัก นอกจากจะเป็นการออกกำลังกายแล้ว ยังได้พรรคพวกเยอะ คนที่ผมรู้จักและติดต่อประสานงานด้วย 60-70 เปอร์เซ็นต์ เกิดขึ้นจากการเล่นฟุตบอล" ร.ต.อ.เนติ บอกถึงคุณูปการของกีฬาสุดรัก
กีฬาฟุตบอลยังพานายตำรวจหนุ่มออกเดินทางไปประกาศศักดาแข้ง (ตำรวจ) ไทยในการแข่งขันฟุตบอลตำรวจอาเซียนที่ประเทศเวียดนาม จนคว้ารางวัลรองชนะเลิศมาครองด้วยความภาคภูมิใจ ท่ามกลางความกดดันที่ยากจะลืม ซึ่งไม่ได้เกิดจากเสียงเชียร์ของแฟนบอลเจ้าบ้าน แต่กลับเป็นกลัวตกเครื่องบินกลับเมืองไทยไม่ทัน (ฮา ฮา)
"ตอนไปแข่งฟุตบอลตำรวจอาเซียน ไม่คิดว่ารอบชิงจะเสมอกันกับเจ้าบ้าน พอเสมอปุ๊บก็ต้องต่อเวลา แต่เราจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ เวลามันจำกัดมาก สุดท้ายก็ตัดสินใจแข่งต่อ แทบจะเรียกว่าเตะกันโหดมาก กองเชียร์เวียดนามก็แน่นสนาม แต่เราไม่ได้กดดันตรงส่วนนี้นะ กลัวไปขึ้นเครื่องไม่ทันอย่างเดียว" ร.ต.อ.เนติ เล่าถึงความประทับใจแบบขำๆ
ในฐานะรุ่นพี่ชมรมฟุตบอลโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ร.ต.อ.เนติเลยอยากฝากไปถึงน้องๆ นักเรียนนายร้อยตำรวจทั้งหลายว่า การเล่นฟุตบอลจะนำมาสู่ความภาคภูมิใจ และความสำเร็จในหน้าที่การงานได้ จึงอยากให้เข้าร่วมชมรมฟุตบอลกันเยอะๆ เมื่อเรียนจบออกมาทำงานแล้ว ยังสามารถเข้าร่วมเป็นสมาชิกสโมสรเพื่อนตำรวจได้อีกด้วย
ก่อนจะมาเป็น สว.ประชาสัมพันธ์ บช.น. นายตำรวจหนุ่มผ่านมาแล้วทุกสายงาน ตั้งแต่ฝ่ายสอบสวน สืบสวน ป้องกันปราบปราม ยกเว้นอย่างเดียวคืองานจราจร กระทั่งมาดำรงตำแหน่ง สว.ประชาสัมพันธ์ บช.น. เขาบอกว่าสนุกกับงานส่วนนี้ แม้จะเป็นงานที่ไม่ใช่ตำรวจเนื้อแท้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่สืบสวนจับกุมคนร้ายและป้องกันปราบปรามอาชญากรรม แต่งานประชาสัมพันธ์ก็เป็นงานของตำรวจที่ขาดไม่ได้
"คุณทำดี แต่ประชาชนไม่รู้ว่าคุณทำอะไร มันก็ไม่เกิดประโยชน์ หรือว่าคนในองค์กรเราทำไม่ดี เราไม่แก้ภาพลักษณ์ ภาพลักษณ์ไม่ดีก็ยังคงอยู่ แต่ละองค์กรย่อมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่อยากให้คนส่วนน้อยที่ทำไม่ดีมากลบภาพลักษณ์ที่ดีของตำรวจทั้งองค์กร"
นอกเหนือจากงานด้านประชาสัมพันธ์และการเล่นกีฬาฟุตบอลสุดโปรดแล้ว นายตำรวจร่างเล็กผู้สวมเสื้อเบอร์ 25 ยังทุ่มเทให้แก่การท่องตำราเพื่อสอบเนติบัณฑิตอย่างคร่ำเคร่ง แม้จะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและโทจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง แล้วก็ตาม เขาให้เหตุผลว่าเรียนไว้เพื่อทำหน้าที่ตำรวจอย่างมั่นใจ เป็นตำรวจต้องรู้กฎหมาย หากมีการเปลี่ยนแปลงชีวิตก็ยังมีทางเลือก อาจจะสอบเป็นอัยการ ผู้พิพากษา หรืออาจารย์สอนกฎหมายก็ได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาไม่มีงานอดิเรกอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว
ทั้งทำงาน เรียน และเล่นกีฬาไปพร้อมๆ กัน สร้างความเหน็ดเหนื่อยพอดู แต่ ร.ต.อ.เนติ ให้เหตุผลแก่ตัวเองและคนรอบข้างว่า เป็นช่วงที่กำลังสร้างตัวเอง หากเหน็ดเหนื่อยเมื่อใดก็จะนึกถึงคำสอนของแม่ที่มักจะบอกเสมอว่า ต้องอดทน อาชีพตำรวจก็เหมือนพยาบาล ถ้าใครแข็งแรงดีก็ไม่อยากมาหาพยาบาล เหมือนกับตำรวจตามโรงพัก ประชาชนมีความทุกข์ถึงมาหาเรา แม้เราจะให้เขาไม่ได้มากเท่าที่เขาต้องการ แค่พูดคุยทำให้เขาหันหลังกลับไปแล้วเขามีความสุขก็พอแล้ว
กีฬาฟุตบอลยังพานายตำรวจหนุ่มออกเดินทางไปประกาศศักดาแข้ง (ตำรวจ) ไทยในการแข่งขันฟุตบอลตำรวจอาเซียนที่ประเทศเวียดนาม จนคว้ารางวัลรองชนะเลิศมาครองด้วยความภาคภูมิใจ ท่ามกลางความกดดันที่ยากจะลืม ซึ่งไม่ได้เกิดจากเสียงเชียร์ของแฟนบอลเจ้าบ้าน แต่กลับเป็นกลัวตกเครื่องบินกลับเมืองไทยไม่ทัน (ฮา ฮา)
"ตอนไปแข่งฟุตบอลตำรวจอาเซียน ไม่คิดว่ารอบชิงจะเสมอกันกับเจ้าบ้าน พอเสมอปุ๊บก็ต้องต่อเวลา แต่เราจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ เวลามันจำกัดมาก สุดท้ายก็ตัดสินใจแข่งต่อ แทบจะเรียกว่าเตะกันโหดมาก กองเชียร์เวียดนามก็แน่นสนาม แต่เราไม่ได้กดดันตรงส่วนนี้นะ กลัวไปขึ้นเครื่องไม่ทันอย่างเดียว" ร.ต.อ.เนติ เล่าถึงความประทับใจแบบขำๆ
ในฐานะรุ่นพี่ชมรมฟุตบอลโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ร.ต.อ.เนติเลยอยากฝากไปถึงน้องๆ นักเรียนนายร้อยตำรวจทั้งหลายว่า การเล่นฟุตบอลจะนำมาสู่ความภาคภูมิใจ และความสำเร็จในหน้าที่การงานได้ จึงอยากให้เข้าร่วมชมรมฟุตบอลกันเยอะๆ เมื่อเรียนจบออกมาทำงานแล้ว ยังสามารถเข้าร่วมเป็นสมาชิกสโมสรเพื่อนตำรวจได้อีกด้วย
ก่อนจะมาเป็น สว.ประชาสัมพันธ์ บช.น. นายตำรวจหนุ่มผ่านมาแล้วทุกสายงาน ตั้งแต่ฝ่ายสอบสวน สืบสวน ป้องกันปราบปราม ยกเว้นอย่างเดียวคืองานจราจร กระทั่งมาดำรงตำแหน่ง สว.ประชาสัมพันธ์ บช.น. เขาบอกว่าสนุกกับงานส่วนนี้ แม้จะเป็นงานที่ไม่ใช่ตำรวจเนื้อแท้ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำหน้าที่สืบสวนจับกุมคนร้ายและป้องกันปราบปรามอาชญากรรม แต่งานประชาสัมพันธ์ก็เป็นงานของตำรวจที่ขาดไม่ได้
"คุณทำดี แต่ประชาชนไม่รู้ว่าคุณทำอะไร มันก็ไม่เกิดประโยชน์ หรือว่าคนในองค์กรเราทำไม่ดี เราไม่แก้ภาพลักษณ์ ภาพลักษณ์ไม่ดีก็ยังคงอยู่ แต่ละองค์กรย่อมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่อยากให้คนส่วนน้อยที่ทำไม่ดีมากลบภาพลักษณ์ที่ดีของตำรวจทั้งองค์กร"
นอกเหนือจากงานด้านประชาสัมพันธ์และการเล่นกีฬาฟุตบอลสุดโปรดแล้ว นายตำรวจร่างเล็กผู้สวมเสื้อเบอร์ 25 ยังทุ่มเทให้แก่การท่องตำราเพื่อสอบเนติบัณฑิตอย่างคร่ำเคร่ง แม้จะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีและโทจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง แล้วก็ตาม เขาให้เหตุผลว่าเรียนไว้เพื่อทำหน้าที่ตำรวจอย่างมั่นใจ เป็นตำรวจต้องรู้กฎหมาย หากมีการเปลี่ยนแปลงชีวิตก็ยังมีทางเลือก อาจจะสอบเป็นอัยการ ผู้พิพากษา หรืออาจารย์สอนกฎหมายก็ได้ ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาไม่มีงานอดิเรกอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้ว
ทั้งทำงาน เรียน และเล่นกีฬาไปพร้อมๆ กัน สร้างความเหน็ดเหนื่อยพอดู แต่ ร.ต.อ.เนติ ให้เหตุผลแก่ตัวเองและคนรอบข้างว่า เป็นช่วงที่กำลังสร้างตัวเอง หากเหน็ดเหนื่อยเมื่อใดก็จะนึกถึงคำสอนของแม่ที่มักจะบอกเสมอว่า ต้องอดทน อาชีพตำรวจก็เหมือนพยาบาล ถ้าใครแข็งแรงดีก็ไม่อยากมาหาพยาบาล เหมือนกับตำรวจตามโรงพัก ประชาชนมีความทุกข์ถึงมาหาเรา แม้เราจะให้เขาไม่ได้มากเท่าที่เขาต้องการ แค่พูดคุยทำให้เขาหันหลังกลับไปแล้วเขามีความสุขก็พอแล้ว
"แม่สอนให้แบ่งปันความสุขให้คนอื่น เป็นตำรวจต้องไม่เพิ่มเติมความทุกข์ให้เขา" ร.ต.อ.เนติ นึกถึงคำสอนของแม่ยามเกิดความรู้สึกเหน็ดเหนื่อย รวมถึงหมั่นทำบุญสร้างกุศลอยู่เสมอ ด้วยการทำบุญตักบาตร ถวายสังฆทาน บริจาคโลงศพ ปล่อยสัตว์ ทำให้สารวัตรนักประชาสัมพันธ์มองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ
"ปูที่ถูกมัดผมไม่กินนะ เหมือนตอนเราจับคนผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เป็นบุญหรือบาปไม่รู้ ผมก็ปล่อยสัตว์แบบนี้แก้เคล็ด แล้วก็ทำบุญบริจาคโลงศพด้วย เมื่อโลงถูกนำไปใช้แล้วจะมีจดหมายแจ้งชื่อผู้ใช้โลงมาที่บ้าน ล่าสุดเป็นคนอายุ 67 ปี ก็ตื่นเต้นดี ทำบุญแล้วเห็นผลจริงๆ จากนั้นก็ไปถวายสังฆทานให้เขาอีก" ร.ต.อ.เนติ เล่าด้วยสีหน้าเบิกบาน ด้วยบุญกุศลส่งเสริมชีวิตแบบนี้นี่เอง !
"ปูที่ถูกมัดผมไม่กินนะ เหมือนตอนเราจับคนผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เป็นบุญหรือบาปไม่รู้ ผมก็ปล่อยสัตว์แบบนี้แก้เคล็ด แล้วก็ทำบุญบริจาคโลงศพด้วย เมื่อโลงถูกนำไปใช้แล้วจะมีจดหมายแจ้งชื่อผู้ใช้โลงมาที่บ้าน ล่าสุดเป็นคนอายุ 67 ปี ก็ตื่นเต้นดี ทำบุญแล้วเห็นผลจริงๆ จากนั้นก็ไปถวายสังฆทานให้เขาอีก" ร.ต.อ.เนติ เล่าด้วยสีหน้าเบิกบาน ด้วยบุญกุศลส่งเสริมชีวิตแบบนี้นี่เอง !
ความคิดเห็นนี้ถูกลบโดยผู้ดูแลระบบของบล็อก
ตอบลบ