พ.ต.อ.พนาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราช

18 ก.ย. 2552
พ.ต.อ.พนาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราช ผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 กทม.

ทำเอาใครต่อใครต้องออกอาการแปลกใจไม่น้อยที่พรรคพลังประชาชนตัดสินใจเลือกอดีตผู้สมัครส.ส., อดีตผู้สมัครนายก อบจ. และอดีต ส.ว.ของระยอง อย่าง พ.ต.อ.พณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราช ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเป็นผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตคลองเตย (รวมพื้นที่เขตวัฒนา ยานนาวา สาทร และบางคอแหลม)ขณะที่เจ้าตัวบอกต่อว่า “ผมไม่ได้เป็น คนแปลกหน้าในเขตกรุงเทพฯ นะ อย่างน้อย การทำงานที่ผ่านมาของผมในฐานะที่เคยเป็นตำรวจมือปราบ, เจ้าของค่ายมวย, นัก เลงพระ และของเก่า อาจารย์สอนหนังสือ หรือแม้กระทั่งคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์ จึงไม่ใช่คนหน้าใหม่ของวงการนี้”

โดยเฉพาะบทบาทครั้งเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ผลงานของเขาเรียกว่าอยู่ในระดับพระกาฬเลยทีเดียว หลายๆ คดี ไม่ว่า จะเป็น เป๋ อกไก่ ฆ่านักศึกษาในโรงหนังนิว ยอร์ก, คดีฆ่าข่มขืนนักศึกษาเอแบคในซอยศูนย์วิจัย, คดีมือปืน 100 ศพ ฯลฯ แต่ละคดี ล้วนถูกปิดคดีโดยเขาคนนี้แทบทั้งสิ้น เรียกว่าพูดได้เต็มปากเต็มคำว่ารับมาแล้วเกือบทุก โล่รางวัลในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

แม้กระทั่งเข้าสู่วงการเมือง จากการไป ปักหลักที่ระยองเพียงแค่ 12 ปี ก็ไปสร้างตำนานการเมืองในเรื่องการเลือกตั้งจนคนระยองบอกว่ากลยุทธ์การหาเสียงของเขากิน ใจเด็ดขาด เพราะทั้งงานบุญ งานบวช หรืองานศพ จะเห็นเขารับหน้าที่เบ็ดเสร็จ ตั้งแต่ เป็นนักการเมืองที่ไปร่วมงาน เป็นญาติของเจ้าภาพที่ดูแลแขกเหรื่อ อาราธนาศีล หรือแม้กระทั่งไปช่วยล้างจาน

พ.ต.อ.พณาเจือเพ็ชร์ หรือที่เรียกกันใน ชื่อเล่นว่า เติร์ก เล่าให้ฟังว่า ก่อนจะได้รับการอนุมัติจากพรรคให้เป็นผู้สมัครส.ส.เขตคลองเตยนั้น “ผู้พันปุ่น” น.ต.ศิธา ทิวารี อดีตโฆษกรัฐบาล 1 ใน 111 อดีตกรรมการ บริหารพรรคไทยรักไทย ที่ต้องเว้นวรรคทาง การเมือง 5 ปี ตามคำวินิจฉัยของคณะตุลา การรัฐธรรมนูญ เป็นผู้ชักชวนให้มาลงส.ส. ในเขตเลือกตั้งเดิมของตัวเอง

นั่นอาจจะเป็นเพราะความคุ้นเคยส่วน ตัว กอปรกับการนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น น้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ยอมรับกันกลายๆ ว่ายังเป็นผู้ ทรงอิทธิพลมากในหมู่ของอดีตสมาชิกพรรค ไทยรักไทย ที่คงจะเห็นแวว และแนวทางการ ทำงานว่าพูดคุยภาษาเดียวกัน

ทั้งหลายทั้งปวงล้วนแล้วเป็นแรงหนุน ให้ “พ.ต.อ.พณาเจือเพ็ชร์” ได้ย้ายฐานการ เมืองจาก จ.ระยอง เข้ากรุงโดยที่ไม่เคยคาค หวังมาก่อน

สำหรับเรื่องของแนวคิดในการชูขึ้นมาเสียงนั้น เขาบอกว่า เป็นเรื่องความมุ่งหวังที่จะพัฒนาชุมชน โดยเป็นแนวคิดส่วนตัวที่มีอยู่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของพรรค และคงเป็นวิถีทางเดียวที่จะทำ ให้ชื่อของ พ.ต.อ.พณาเจือเพ็ชร์ เป็นที่รู้จักของประชาชนในพื้นที่ได้ เพื่อทำให้ความฝันที่จะได้เป็น ผู้แทนเมืองกรุง เป็นจริงได้

“เราเป็นคนใหม่ในพื้นที่ก็ต้องขยันเดิน ขยันไปพบปะประชาชนในชุมชน ซึ่งยิ่งลงไปคลุกคลีมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งมองเห็นหน ทางว่าถ้าเรามีโอกาสได้เข้าไปทำงานจริงๆ แล้วจะทำอะไรให้เขาได้บ้าง”

เรื่องยาเสพติดถือเป็นเป้าหมายแรกๆ ที่เขาประกาศว่าจะเข้าไปผลักดันให้มีการแก้ ปัญหาให้ได้ เขาบอกว่า “ปัญหายาเสพติดแก้ไขได้ ผมเชื่ออย่างนั้นจริงๆ และอีกเรื่องคือแก้ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัย อย่าเพิ่งคิดว่าผมเพ้อฝัน เพ้อเจ้อ ผมเห็นมาแล้วที่อังกฤษ เขามีหนทางแก้ปัญหาชุมชนแออัดด้วยการออกกฎหมายมาให้สิทธิ์ในเรื่องที่อยู่อาศัยแก่ชาวชุมชนแออัด หน้าที่ส.ส.หลักๆ คืออะไรล่ะ สภานิติบัญญัติคือสภาที่ร่างกฎหมาย ใช่ไหม ผมก็จะใช้บทบาทหน้าที่ที่มีผลักดันตรงนี้” พ.ต.อ.พณาเจือเพ็ชร์ ยืนยัน

ชุมชนคลองเตยนับว่าเป็นพื้นที่ไพรม์แอเรียอีกพื้นที่หนึ่งที่สามารถเพิ่มศักยภาพให้พื้นที่ได้โดยการออกกฎหมายมาพัฒนาพื้นที่ มีการสร้างคอมเพล็กซ์ อาคารที่พักอาศัย ศูนย์ส่งสินค้า ฯลฯ ให้ชาวบ้านจากที่อยู่ในแนวราบขยับไปอยู่บนตึก

เราให้สิทธิ์ของผู้ที่อยู่ในชุมชนได้เข้าอยู่อาศัยก่อน ให้สิทธิ์เซ้งเขาก่อนในระยะเวลาเป็น 100 ปี ก็ได้ ที่อังกฤษเขาให้ 150 ปี ลองนึกดูว่า เมื่อพื้นที่คลองเตยพัฒนาเป็น ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจอีกแห่งหนึ่ง แล้วราคาสินทรัพย์จะพุ่งสูงขึ้นขนาดไหน

ชาวคลองเตยอาจจะอยู่ที่นี่แค่ 20-30 ปี พอลูกหลานโตเรียนหนังสือจบ เขาก็สามารถที่จะให้คนอื่นมาเซ้งสิทธิ์ต่อจากเขาแล้วย้ายออกไปอยู่ที่ไหนก็ได้...

นั่นคือความหวังลึกๆ ที่ พ.ต.อ.พณาเจือเพ็ชร์ กฤษณะราช กำลังนำไปเสนอขายและบอกกับชาวคลองเตยพิจารณาว่าจะรับหรือไม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น