แทบจะเป็นขั้วตรงกันข้าม
ระหว่าง ความ "เงียบ"
กับ EXTREME-เอ็กซ์ตรีม อันเป็นภาวะสุดขีด ที่มากด้วยความตื่นเต้น เร้าใจ
Red Bull ผงาดเป็นสินค้าระดับโลกเคียงคู่กับกีฬาเอ็กซ์ตรีม มาโดยตลอด
แต่ "เฉลียว อยู่วิทยา" ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิด กับอยู่อย่างเงียบเชียบ แม้กระทั่งจากโลกนี้ไป วัย 89 ปี เมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา
พิธีศพ ณ วัดเครือวัลย์วรวิหาร ก็ยังคงยึดแนวทาง "เงียบ" โดยเคร่งครัด
วัดแห่งนี้เป็นเพียงวัดพระอารามหลวงชั้นตรี หรือวัดประจำหัวเมืองธรรมดา ไม่ใช่พระอารามหลวงชั้นเอก หรือ ชั้นโท อย่างที่มหาเศรษฐีรายอื่นๆ นิยมจัดงานศพ
"สุทธิรัตน์ อยู่วิทยา" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด ลูกสาวคนโตของ "เฉลียว"
ระหว่าง ความ "เงียบ"
กับ EXTREME-เอ็กซ์ตรีม อันเป็นภาวะสุดขีด ที่มากด้วยความตื่นเต้น เร้าใจ
Red Bull ผงาดเป็นสินค้าระดับโลกเคียงคู่กับกีฬาเอ็กซ์ตรีม มาโดยตลอด
แต่ "เฉลียว อยู่วิทยา" ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิด กับอยู่อย่างเงียบเชียบ แม้กระทั่งจากโลกนี้ไป วัย 89 ปี เมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา
พิธีศพ ณ วัดเครือวัลย์วรวิหาร ก็ยังคงยึดแนวทาง "เงียบ" โดยเคร่งครัด
วัดแห่งนี้เป็นเพียงวัดพระอารามหลวงชั้นตรี หรือวัดประจำหัวเมืองธรรมดา ไม่ใช่พระอารามหลวงชั้นเอก หรือ ชั้นโท อย่างที่มหาเศรษฐีรายอื่นๆ นิยมจัดงานศพ
"สุทธิรัตน์ อยู่วิทยา" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด ลูกสาวคนโตของ "เฉลียว"
บอกว่า
"เหตุผลที่เลือกวัดเครือวัลย์ฯ จัดพิธีศพ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของคุณพ่อที่ต้องการให้จัดพิธีศพอย่างเรียบง่าย จึงไม่เลือกวัดแห่งอื่นในกรุงเทพฯ"
ขณะที่คนของกระทิงแดง บอกว่า วัดเครือวัลย์ฯ ยังอยู่ใกล้บ้านและที่ทำงานของพนักงานบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง ที่ตั้งอยู่ถนนเอกชัย เป็นย่านฝั่งธนบุรีเหมือนกัน เดินทางมาร่วมงานได้สะดวก เจ้าสัวก็เลยเลือกวัดนี้
นี่แหละ "เฉลียว อยู่วิทยา"
ดูเหมือนว่า เจ้าพ่อกระทิงแดง จะให้ผู้คนรู้จักชีวิตของตัวเองแค่ความเป็นคนเรียบง่าย ไม่นิยมและสวมใส่เครื่องประดับใด ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงนาฬิกาเรือนเดียวผูกข้อมือ
เป็นคนเชื้อสายจีนไหหลำ ปู่มาจากเมืองจีน ย่าเป็นคนไทย
การศึกษาจบเพียงชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนพิจิตรวิทยาคม จ.พิจิตร
ครอบครัวมีอาชีพเลี้ยงเป็ด และขายผลไม้
เฉลียวเข้ามากรุงเทพฯ ช่วยพี่ชายทำงานร้านขายยา
แล้วมาเป็นเซลส์แมนขายยาออริโอมัยซิน ของบริษัท เอฟ.อีซิลลิคฯ ก่อนที่จะมาเป็นตัวแทนนำเข้ายามาจำหน่ายเอง และตั้งโรงงานผสมยา
ว่ากันว่า เหตุที่ต้องติดต่อกับต่างประเทศมากนี้เอง ที่ทำให้เฉลียว ฝึกฝน จนสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี
ต่อมาตั้งบริษัท ทีซีมัยซิน ผลิตแป้งแทตทู ยาเด็กเบบี้ดอล
แล้วจึงกระโดดเข้าไปทำเครื่องดื่มชูกำลัง กระทิงแดง โดยใช้กลยุทธ์ขายแบบตรงไปตรงมา
ทำให้ กระทิงแดง "ซู่ซ่า" ขายดิบขายดี
อาณาจักรของเฉลียว ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ตัวของเขาก็เล็กลงเรื่อยๆ เช่นกัน
จนแทบจะไม่มีตัวตน แม้จะมีชื่อติดเศรษฐีอันดับหนึ่งของไทย และอันดับ 205 ของโลก ก็ตาม
"เฉลียว" แทบจะไม่เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
ทุกอย่างเป็นเรื่อง "ลึกลับ"
มีเพียงลูกสาว สุทธิรัตน์ ที่เคยให้สัมภาษณ์ถึงพ่อว่า สมถะเรียบง่าย แต่งตัวธรรมดาด้วยเสื้อตัวเดียว นุ่งกางเกงแพร สวมหมวกงอบ มีกิจวัตรประจำวันในช่วงยังดูแลธุรกิจคือ ขี่จักรยานวนไปรอบๆ โรงงาน เจออะไรไม่เรียบร้อย จะแวะเข้าไปดู
"วิรัตน์ แสงทองคำ"
เคยเขียนเรื่องของเฉลียว ในมติชนสุดสัปดาห์ เมื่อ 1 เมษายน 2554 หรือเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา ซึ่งดูจะ "ลึก และ ลับ" มากกว่าข้อมูลอื่นๆ ที่เผยแพร่ออกมา
โดยชี้ว่า เฉลียว คือโมเดลของบุคคลธรรมดา ที่สามารถไต่เต้าภายใต้ยุคที่มีผู้ครอบครองอย่างหนาแน่นอย่างน่าสนใจ
เฉลียวสร้างกิจการทีซีฟาร์มาซูติคอล เติบโตอย่างเงียบๆ จากนักขายยาของบริษัทต่างชาติ ไปสู่การสร้างกิจการด้วยตนเองพร้อมๆ กับตัวแทนผลิตและจำหน่ายสินค้าต่างประเทศ
จนถึงผลิตสินค้าเครื่องดื่มชูกำลังเข้าสู่ตลาดฐานกว้างในนาม "กระทิงแดง" ในยุคหลังสงครามเวียดนาม
ต่อมาเขาจึงเข้าถือหุ้นจำนวนพอสมควรในธนาคารกสิกรไทย จนได้รับเสนอชื่อเป็นกรรมการธนาคาร
และอยู่ในตำแหน่งกรรมการธนาคารมายาวนาน
ซึ่งเข้าใจกันในเวลาต่อมาว่านี่เป็นการลงทุนในกิจการที่มีการบริหารจัดการที่ดี
ซึ่งอาจเป็นต้นแบบหนึ่งของเฉลียว
กระทั่งเมื่อธนาคารกสิกรไทยปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อตอบสนองระบบธนาคารโลก เฉลียวจึงพ้นตำแหน่งกรรมการไป
เมื่อกล่าวถึงความสำเร็จของเฉลียว คงจะเว้นไม่กล่าวถึง ดีทริช มาเตอซิทซ์ (Dietrich Mateschitz) ไม่ได้
"เหตุผลที่เลือกวัดเครือวัลย์ฯ จัดพิธีศพ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของคุณพ่อที่ต้องการให้จัดพิธีศพอย่างเรียบง่าย จึงไม่เลือกวัดแห่งอื่นในกรุงเทพฯ"
ขณะที่คนของกระทิงแดง บอกว่า วัดเครือวัลย์ฯ ยังอยู่ใกล้บ้านและที่ทำงานของพนักงานบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง ที่ตั้งอยู่ถนนเอกชัย เป็นย่านฝั่งธนบุรีเหมือนกัน เดินทางมาร่วมงานได้สะดวก เจ้าสัวก็เลยเลือกวัดนี้
นี่แหละ "เฉลียว อยู่วิทยา"
ดูเหมือนว่า เจ้าพ่อกระทิงแดง จะให้ผู้คนรู้จักชีวิตของตัวเองแค่ความเป็นคนเรียบง่าย ไม่นิยมและสวมใส่เครื่องประดับใด ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงนาฬิกาเรือนเดียวผูกข้อมือ
เป็นคนเชื้อสายจีนไหหลำ ปู่มาจากเมืองจีน ย่าเป็นคนไทย
การศึกษาจบเพียงชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนพิจิตรวิทยาคม จ.พิจิตร
ครอบครัวมีอาชีพเลี้ยงเป็ด และขายผลไม้
เฉลียวเข้ามากรุงเทพฯ ช่วยพี่ชายทำงานร้านขายยา
แล้วมาเป็นเซลส์แมนขายยาออริโอมัยซิน ของบริษัท เอฟ.อีซิลลิคฯ ก่อนที่จะมาเป็นตัวแทนนำเข้ายามาจำหน่ายเอง และตั้งโรงงานผสมยา
ว่ากันว่า เหตุที่ต้องติดต่อกับต่างประเทศมากนี้เอง ที่ทำให้เฉลียว ฝึกฝน จนสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี
ต่อมาตั้งบริษัท ทีซีมัยซิน ผลิตแป้งแทตทู ยาเด็กเบบี้ดอล
แล้วจึงกระโดดเข้าไปทำเครื่องดื่มชูกำลัง กระทิงแดง โดยใช้กลยุทธ์ขายแบบตรงไปตรงมา
ทำให้ กระทิงแดง "ซู่ซ่า" ขายดิบขายดี
อาณาจักรของเฉลียว ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ตัวของเขาก็เล็กลงเรื่อยๆ เช่นกัน
จนแทบจะไม่มีตัวตน แม้จะมีชื่อติดเศรษฐีอันดับหนึ่งของไทย และอันดับ 205 ของโลก ก็ตาม
"เฉลียว" แทบจะไม่เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน
ทุกอย่างเป็นเรื่อง "ลึกลับ"
มีเพียงลูกสาว สุทธิรัตน์ ที่เคยให้สัมภาษณ์ถึงพ่อว่า สมถะเรียบง่าย แต่งตัวธรรมดาด้วยเสื้อตัวเดียว นุ่งกางเกงแพร สวมหมวกงอบ มีกิจวัตรประจำวันในช่วงยังดูแลธุรกิจคือ ขี่จักรยานวนไปรอบๆ โรงงาน เจออะไรไม่เรียบร้อย จะแวะเข้าไปดู
"วิรัตน์ แสงทองคำ"
เคยเขียนเรื่องของเฉลียว ในมติชนสุดสัปดาห์ เมื่อ 1 เมษายน 2554 หรือเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา ซึ่งดูจะ "ลึก และ ลับ" มากกว่าข้อมูลอื่นๆ ที่เผยแพร่ออกมา
โดยชี้ว่า เฉลียว คือโมเดลของบุคคลธรรมดา ที่สามารถไต่เต้าภายใต้ยุคที่มีผู้ครอบครองอย่างหนาแน่นอย่างน่าสนใจ
เฉลียวสร้างกิจการทีซีฟาร์มาซูติคอล เติบโตอย่างเงียบๆ จากนักขายยาของบริษัทต่างชาติ ไปสู่การสร้างกิจการด้วยตนเองพร้อมๆ กับตัวแทนผลิตและจำหน่ายสินค้าต่างประเทศ
จนถึงผลิตสินค้าเครื่องดื่มชูกำลังเข้าสู่ตลาดฐานกว้างในนาม "กระทิงแดง" ในยุคหลังสงครามเวียดนาม
ต่อมาเขาจึงเข้าถือหุ้นจำนวนพอสมควรในธนาคารกสิกรไทย จนได้รับเสนอชื่อเป็นกรรมการธนาคาร
และอยู่ในตำแหน่งกรรมการธนาคารมายาวนาน
ซึ่งเข้าใจกันในเวลาต่อมาว่านี่เป็นการลงทุนในกิจการที่มีการบริหารจัดการที่ดี
ซึ่งอาจเป็นต้นแบบหนึ่งของเฉลียว
กระทั่งเมื่อธนาคารกสิกรไทยปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อตอบสนองระบบธนาคารโลก เฉลียวจึงพ้นตำแหน่งกรรมการไป
เมื่อกล่าวถึงความสำเร็จของเฉลียว คงจะเว้นไม่กล่าวถึง ดีทริช มาเตอซิทซ์ (Dietrich Mateschitz) ไม่ได้
พ.ศ.2527 เฉลียวได้ลงทุนร่วมกับ
ก่อตั้งบริษัท Red Bull GmbH. ในประเทศออสเตรีย โดยเฉลียวถือหุ้น 49% และเฉลิมลูกชายถือหุ้นอีก 2%
ดีทริช มีบทบาทค่อนข้างสูงในการผลักดันให้เครื่องดื่มให้กำลังงานภายใต้ชื่อ RED BULL โด่งดัง และขยายตลาดออกไปทั่วโลก
ถึงขนาดมีระบุว่า ดีทริช มาเตอซิทซ์ เป็นคนสร้างแบรนด์นี้ขึ้นมา
และได้รับการยกย่องว่า นักการตลาดที่เก่งกาจของโลก ด้วยการสร้างสินค้าใหม่ เข้าสู่ตลาดใหม่ และสร้างประเภทตลาดขึ้นใหม่อย่างมหัศจรรย์
Red Bull กลายเป็นสินค้าอันดับหนึ่งของตลาดสินค้าเครื่องดื่มชูกำลังที่กำลังเติบโตอย่างมากในโลกตะวันตก ครอบคลุมตลาดประมาณ 100 ประเทศ โดยครองส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 70% มียอดขายมากกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐ
โดยวางยุทธศาสตร์ของธุรกิจ ที่มุ่งไปยังการสร้างความเชื่อมโยงกับกีฬาเอ็กซ์ตรีม ที่แสนโลดโผน และดนตรี
ปัจจุบัน Red Bull มีทีมกีฬาของตนเองในหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งทีมรถแข่งเอฟ-วัน ด้วย
แม้ชื่อ ดีทริช มาเตอซิทซ์ จะโด่งดังเหนือ เฉลียว อยู่วิทยา
แต่เมื่อปี 2546 เมื่อ Forbes จัดกลุ่มผู้ร่ำรวยระดับพันล้านเหรียญสหรัฐ (World?s Billionaires) ชื่อของ ดีทริช มาเตอซิทซ์ และ เฉลียว อยู่วิทยา อยู่เคียงข้างกัน และในปีต่อๆ มาก็มักจะเคียงคู่กันเสมอ
ดีทริช มีบทบาทค่อนข้างสูงในการผลักดันให้เครื่องดื่มให้กำลังงานภายใต้ชื่อ RED BULL โด่งดัง และขยายตลาดออกไปทั่วโลก
ถึงขนาดมีระบุว่า ดีทริช มาเตอซิทซ์ เป็นคนสร้างแบรนด์นี้ขึ้นมา
และได้รับการยกย่องว่า นักการตลาดที่เก่งกาจของโลก ด้วยการสร้างสินค้าใหม่ เข้าสู่ตลาดใหม่ และสร้างประเภทตลาดขึ้นใหม่อย่างมหัศจรรย์
Red Bull กลายเป็นสินค้าอันดับหนึ่งของตลาดสินค้าเครื่องดื่มชูกำลังที่กำลังเติบโตอย่างมากในโลกตะวันตก ครอบคลุมตลาดประมาณ 100 ประเทศ โดยครองส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 70% มียอดขายมากกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐ
โดยวางยุทธศาสตร์ของธุรกิจ ที่มุ่งไปยังการสร้างความเชื่อมโยงกับกีฬาเอ็กซ์ตรีม ที่แสนโลดโผน และดนตรี
ปัจจุบัน Red Bull มีทีมกีฬาของตนเองในหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งทีมรถแข่งเอฟ-วัน ด้วย
แม้ชื่อ ดีทริช มาเตอซิทซ์ จะโด่งดังเหนือ เฉลียว อยู่วิทยา
แต่เมื่อปี 2546 เมื่อ Forbes จัดกลุ่มผู้ร่ำรวยระดับพันล้านเหรียญสหรัฐ (World?s Billionaires) ชื่อของ ดีทริช มาเตอซิทซ์ และ เฉลียว อยู่วิทยา อยู่เคียงข้างกัน และในปีต่อๆ มาก็มักจะเคียงคู่กันเสมอ
นั่นแสดงว่า แม้ ดีทริช มาเตอซิทซ์ จะเป็นที่รู้จักมากกว่า
แต่ เฉลียว ก็ยังคงสามารถยืนเคียงข้างอยู่ได้
ซึ่งนั่นย่อมต้องสะท้อนถึงเซลส์แมนที่เติบโตมาจากรากหญ้า เมืองพิจิตร ต้อง "มีดี" อย่างมาก จึงสามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคงในธุรกิจระดับโลก
เพียงแต่ เฉลียว เลือกที่จะเงียบ ไม่ว่า Red Bull จะเอ็กซ์ตรีมสุดขีดคลั่งอย่างไรก็ตาม
วันนี้เฉลียวจากไปอย่างสงบ ทิ้งทรัพย์สินและหุ้นใน Red Bull มูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านบาทเอาไว้เบื้องหลัง
แต่ เฉลียว ก็ยังคงสามารถยืนเคียงข้างอยู่ได้
ซึ่งนั่นย่อมต้องสะท้อนถึงเซลส์แมนที่เติบโตมาจากรากหญ้า เมืองพิจิตร ต้อง "มีดี" อย่างมาก จึงสามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคงในธุรกิจระดับโลก
เพียงแต่ เฉลียว เลือกที่จะเงียบ ไม่ว่า Red Bull จะเอ็กซ์ตรีมสุดขีดคลั่งอย่างไรก็ตาม
วันนี้เฉลียวจากไปอย่างสงบ ทิ้งทรัพย์สินและหุ้นใน Red Bull มูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านบาทเอาไว้เบื้องหลัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น