Pages

โซอิชิโร ฮอนด้า

โดย : ก้องเกียรติ

วัยเด็ก

โซอิชิโรฮอนด้าผู้ก่อตั้งบริษัทฮอนด้ามอเตอร์จำกัด

สภาพความเป็นอยู่ในวัยเด็ก
โซอิชิโรฮอนด้าเกิดอยู่ในหมู่บ้านโคเมียวอำเภออิวาตะแถบชานเมืองประเทศญี่ปุ่นเป็นบุตรชายคนโตของครอบครัวฮอนด้าซึ่งมีอาชีพช่างตีเหล็กมาหลายชั่วอายุคนครอบครัวของโซอิชิโรมีฐานะปานกลางทำให้ตอนเด็กโซอิชิโรมีโอกาสได้เรียนหนังสือจนจบชั้นประถม
โซอิชิโรสนใจเครื่องจักรมากตั้งแต่ยังไม่รู้ความโดยเฉพาะเครื่องจักรของโรงสีข้าวเขาจะชอบเป็นพิเศษคุณปู่ต้องพาโซอิชิโรไปโรงสีข้าวจนกระทั่งเดินได้พออายุประมาณ3ขวบโซอิชิโรก็ชอบแอบเข้าไปเล่นในที่ทำงานของพ่อโซอิชิโรเคยหนีโรงเรียนและขโมยเงินจากตู้ขี่จักรยานออกไปจากบ้านถึงสถานที่แสดงโชว์ประมาณ20กิโลเมตรเพื่อที่จะไปชมการแสดงโชว์บินผาดโผนของนักบินอเมริกาด้วยความอยากดูเครื่องบินมากโดยไม่นึกถึงโทษทัณฑ์ที่จะได้รับเลยซึ่งหลังจากไปดูเครื่องบินที่ฮานามัตษุกลับมาโซอิชิโรก็ชอบเล่นเป็นนักบินอยู่ระยะหนึ่ง
โซอิชิโรเป็นเด็กที่หัวไวแต่ฉลาดแกมโกงครั้งหนึ่งเขาได้แอบตีระฆังสัญญาณบอกเวลาเที่ยงก่อนเวลา1ชั่วโมงเพื่อจะได้ทานมื้อเที่ยงก่อนเวลาเนื่องจากโซอิชิโรรู้สึกหิวข้าวมาก
โซอิชิโรชอบเรียนวิชาศิลปะประดิษฐ์และคณิตศาสตร์แต่ไม่ชอบวิชาเขียนตัวอักษรด้วยพู่กันหรือวิชาเรียงความทำให้เขามักหนีโรงเรียนไปเล่นอยู่ในป่าหลังโรงเรียนซึ่งโซอิชิโรชอบไปเที่ยวเล่นสนุกในป่ากับเพื่อนๆอยู่เสมอบางครั้งก็ว่ายน้ำหรือวิ่งเล่นกันเมื่อเวลาสมุดพกรายงานผลการเรียนออกมาเขาก็มีวิธีไม่ต้องเอาสมุดพกให้พ่อแม่ดูโดยทำปลอมตรานามสกุลขึ้นมาเองด้วยความที่โซอิชิโรเป็นเด็กซุกซนทำให้ก่อเรื่องอยู่เป็นประจำซึ่งเวลาที่ถูกลงโทษผู้ที่เข้ามาช่วยอยู่เสมอคือคุณย่า

ลักษณะนิสัยที่เรียกว่าฉายแววในวัยเด็กโซอิชิโรมีนิสัยที่คิดอะไรแล้วเป็นนิ่งเฉยอยู่ไม่ได้ในตอนเด็กที่โซอิชิโรไม่ชอบใจจมูกของรูปปั้นพระจิโซจึงทำให้โซอิชิโรเอาสิ่วมาตอกเพื่อแก้ให้รูปปั้นพระจิโซหน้าตาดูดีขึ้นซึ่งความพิถีพิถันในเรื่องรูปร่างของวัตถุนี้ต่อมาในภายหลังได้กลายมาเป็นรากฐานของการออกแบบผลิตภัณฑ์ฮอนด้าอันแปลกล้ำสมัย
โซอิชิโรเป็นเด็กที่มีความมุมานะชอบทำอะไรให้สำเร็จมาตั้งแต่สมัยอยู่ชั้นประถมเขาชอบพูดอยู่เสมอว่า“ถึงยังไงก็ต้องทำลูกเดียว”ซึ่งหมายความว่าไม่ว่างานยากแค่ไหนก็ต้องลองทำดู“ทำลูกเดียว”ตอนที่โซอิชิโรเพิ่งเข้าโรงเรียนประถมและยังว่ายน้ำไม่เป็นเขาคิดแต่เรื่องที่ว่าจะมีวิธีใดที่จะหัดว่ายน้ำให้เก่งๆทุกวันเมื่อได้ฟังคุณปู่เล่าเรื่องมนุษย์กินคนบนเกาะเมืองใต้โซอิชิโรก็ได้ความคิดเกี่ยวกับวิธีหัดว่ายน้ำให้เก่งโดยการกินปลาเมดากะซึ่งว่ายน้ำเก่งโดยกลืนเข้าไปทั้งตัวทุกวันพลังของปลาเมดะอาจจะถ่ายทอดมาสู่ตัวคนกินก็ได้แต่โซอิชิโรก็ยังว่ายน้ำไม่เก่งสักทีเขาจึงได้ลองกลืนปลาฮายะที่ตัวใหญ่กว่าแม้ว่ามันจะไม่ได้ช่วยอะไรกับโซอิชิโรเลยแต่ในที่สุดเขาก็ว่ายน้ำเก่งจนได้

ความฝันในวัยเด็ก
โซอิชิโรหลงไหลในการทำงานของเครื่องยนต์มากเขามักจะรบเร้าให้ปู่พาไปดูเครื่องจักรในโรงสีข้าวซึ่งในปี2456มันยังคงใช้เครื่องจักรเป็นตัวขับเคลื่อนให้ทำงานเพียงอย่างเดียวต่อมาก่อนที่โซอิชิโรจะเรียนจบชั้นประถมปลายในปีหน้าได้มีรถยนต์อเมริกันบุโรทั่งคันหนึ่งแล่นผ่านเข้าไปในหมู่บ้านของเขาเป็นครั้งแรกซึ่งในสมัยนั้นแม้แต่ในเมืองฮานามัตษุรถยนต์ก็ยังหายากไม่ค่อยมีให้เห็นมากนักเสียงของเครื่องจักรปลุกเร้าให้โซอิชิโรวิ่งออกมาริมถนนและจ้องมองมันด้วยความชื่นชมระคนตื่นเต้นจนกระทั่งมันลับหายไปและนี่คือจุดกำเนิดซึ่งเป็นความคิดสร้างสรรค์อันบริสุทธิ์ของเด็กชายวัย8ขวบที่มีความมุ่งมั่นและวาดหวังไว้ว่าสักวันเขาจะสร้างรถยนต์ด้วยมือเขาเองให้ได้

ประสบการณ์ทำงาน
ด้วยความที่โซอิชิโรอยากทำงานในอู่รถยนต์ทำให้เมื่อเขาเรียนจบชั้นประถมปลายโซอิชิโรจึงได้สมัครทำงานเป็นช่างฝึกงานซ่อมรถยนต์อยู่ที่บริษัทอาร์ตในโตเกียวในระยะแรกโซอิชิโรต้องทำงานเลี้ยงเด็กกับงานจิปาถะโดยไม่ได้ฝึกงานซ่อมรถเลยทำให้เขารู้สึกผิดหวังท้อแท้ขึ้นทุกวันถึงขนาดเคยหนีกลับบ้านแต่ก็ล้มเลิกความตั้งใจและอดทนเป็นลูกมือฝึกหัดงานในอู่รถยนต์ต่อไปโดยมีช่างซ่อมรถรุ่นพี่ชื่อฮิโกะเป็นคนให้กำลังใจแก่โซอิชิโรจนวันหนึ่งในฤดูหนาวเกิดหิมะตกหนักในโตเกียวมีรถยนต์เข้ามาให้ซ่อมมากมายเจ้าของอู่ทำงานไม่ทันจึงสั่งให้โซอิชิโรช่วยทำงานง่ายๆซึ่งผลงานของเขาก็ได้รับการยอมรับจากเจ้าของอู่ดังนั้นโซอิชิโรจึงได้รับผิดชอบงานมากขึ้นและได้ทำงานซ่อมรถที่ตัวเองปรารถนามากขึ้นและที่อู่รถยนต์นี้เองที่ได้ฝึกฝนให้โซอิชิโรได้กลายเป็นนายช่างที่มีฝีมือดี
ก่อนการก่อตั้งธุรกิจ
สภาพของธุรกิจในขณะนั้น
ในขณะนั้นประเทศญี่ปุ่นมีสภาพเศรษฐกิจที่ดีมีการสร้างอาคารบ้านเรือนกันอย่างมากมายประชาชนมีรายได้สูงทำให้ชนชั้นสูงส่วนใหญ่ในสังคมจะมีรถยนต์ใช้กันอย่างแพร่หลายซึ่งทำให้รถยนต์ไม่ใช่ของแปลกแม้แต่ตามบ้านนอกก็ยังสามารถเห็นรถยนต์ได้ทั่วไป
สภาพของธุรกิจอู่ซ่อมรถในขณะนั้นแทบจะไม่มีการแข่งขันเลยเนื่องจากการทำธุรกิจอู่ซ่อมรถจะต้องมีช่างซ่อมที่มีฝีมือในการซ่อมรถเพื่อสามารถดึงดูดลูกค้าที่มาซ่อมรถได้แต่ในขณะนั้นช่างซ่อมรถยนต์ที่มีฝีมือมีจำนวนไม่มากนักอีกทั้งลูกค้าส่วนมากก็จะมีอู่ซ่อมรถประจำอยู่แล้วจึงนิยมนำรถยนต์ไปซ่อมที่อู่ซ่อมรถประจำและลูกค้าจะไม่นำรถยนต์ไปลองซ่อมในอู่ซ่อมรถยนต์ที่เพิ่งเปิดใหม่

ภาพเหตุการณ์ในขณะนั้น
หลังจากที่โซอิชิโรได้เข้ามาฝึกงานที่อู่ซ่อมรถยนต์ของบริษัทอาร์ตโตเกียวได้5ปีแล้วทางอู่ได้ขยายกิจการออกไปจึงมีการรับเด็กใหม่เข้ามาฝึกงานและหัวหน้าได้ให้โซอิชิโรกลับไปบ้านเกิดที่ฮานามัตษุเพื่อเปิดสาขาอู่ซ่อมรถยนต์ของบริษัทอาร์ตที่นั่น

โอกาสที่มองเห็น
ในขณะนั้นธุรกิจอู่ซ่อมรถยนต์แทบจะไม่มีการแข่งขันอู่ซ่อมรถในเมืองฮานามัตษุมีเพียง2-3แห่งเท่านั้นขณะที่มีผู้ใช้รถยนต์กันเป็นจำนวนค่อนข้างมากเพราะเนื่องจากการทำธุรกิจอู่ซ่อมรถยนต์จะต้องการช่างซ่อมที่มีฝีมือในการซ่อมรถเพื่อสามารถดึงดูดลูกค้าที่มาซ่อมรถได้

แรงบันดาลใจที่ทำให้สร้างธุรกิจขึ้นมา
เนื่องจากหัวหน้าที่บริษัทอาร์ตโตเกียวได้เห็นแววของโซอิชิโรว่าเขามีฝีมือดีพอที่จะทำงานซ่อมรถยนต์ตามลำพังได้เมื่อหัวหน้าได้ขยายอู่ซ่อมรถให้ใหญ่ขึ้นจึงได้สั่งให้โซอิชิโรกลับไปเปิดสาขาอู่ซ่อมรถของบริษัทอาร์ตที่ฮานามัตษุซึ่งเป็นบ้านเกิดของโซอิชิโร
ซึ่งทำให้โซอิชิโรรู้สึกเชื่อมั่นในฝีมือของตนและเขายังมีความละเอียดถี่ถ้วนในการทำงานอย่างมากโซอิชิโรคิดว่าถ้าเขาตั้งอู่ซ่อมรถยนต์ของตนเองขึ้นมาอู่ของเขาสามารถจะซ่อมรถยนต์ให้ลูกค้าได้เป็นอย่างดีและจะทำให้มีงานซ่อมรถเข้ามาในอู่อย่างมากมาย

การก่อตั้งธุรกิจ
เมื่อจะเริ่มก่อตั้งธุรกิจโซอิชิโรได้ใช้เงินที่สะสมมาจากการทำงานที่อู่ซ่อมรถยนต์บริษัทอาร์ตโตเกียวนำมาใช้ซื้อเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นในการซ่อมรถและได้เปิดอู่ซ่อมรถยนต์ขึ้นที่ตำบลโมโตฮามะอำเภอฮามามัตษุโดยพนักงานในอู่ซ่อมรถยนต์ของโซอิชิโรมีเพียงเด็กรับใช้จิปาถะเพียงคนเดียวเท่านั้น

อุปสรรคที่พบและทางแก้ไข
ในช่วงสงครามจีนญี่ปุ่นการควบคุมสินค้าในประเทศญี่ปุ่นเข้มงวดมากขึ้นทำให้รถเก๋งกลายเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยซึ่งส่งผลให้ความฝันที่จะสร้างรถยนต์เองของโซอิชิโรเลือนหายไปไกลพนักงานผู้ชำนาญบางคนก็ถูกเกณฑ์ทหารบางคนก็แยกไปตั้งอู่ของตนบริษัทอาร์ตจึงมาถึงจุดเปลี่ยนแปลงโดยโซอิชิโรต้องการจะเลิกโรงงานซ่อมรถยนต์และเปลี่ยนมาทำพิสตั้นริง(วงแหวนโลหะซึ่งมีความยืดหยุ่นสำหรับครอบในลูกสูบ)แทนเพราะต่อไปการควบคุมสินค้าจะเข้มงวดขึ้นทุกทีทำให้อะไหล่ต่างๆที่ใช้ในการซ่อมรถจะขาดแคลนแต่ถ้าตัดสินใจเปลี่ยนไปผลิตพิสตั้นริงจะใช้วัสดุน้อยกว่าและยังขายได้ราคาดีกว่าแต่พนักงานระดับบริหารก็คัดค้านทำให้แผนการเปลี่ยนไปสู่งานผลิตของโซอิชิโรไม่สำเร็จซึ่งเหตุการณ์นี้ส่งผลให้โซอิชิโรป่วยด้วยโรคปวดประสาทที่หน้าทำให้ต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลและไปแช่น้ำแร่จน2เดือนต่อมาพนักงานระดับบริหารคนสนิทของโซอิชิโรได้อธิบายเรื่องแหวนลูกสูบอย่างละเอียดและโน้มน้าวให้ผู้บริหารคนอื่นยอมเข้าใจและตกลงในการเปลี่ยนมาทำโรงงานผลิตพิสตั้นริงตามแผนของโซอิชิโรจนได้ซึ่งหลังจากโซอิชิโรได้รับข่าวดีโรคปวดประสาทซึ่งทรมานเขามานานก็หายเป็นปลิดทิ้งอย่างไม่น่าเชื่อ

แต่ในการทดลองทำแหวนลูกสูบก็ประสบกับอุปสรรคอีกเพราะแหวนลูกสูบที่ทำขึ้นมาล้วนแต่มีข้อบกพร่องแม้จะแก้ไขใหม่หลายครั้งก็ยังใช้ไม่ได้โซอิชิโรเที่ยวสอบถามที่โน่นที่นี่เพื่อค้นหาสาเหตุในที่สุดเขาก็พบว่าสาเหตุมาจากแหวนลูกสูบขาดซิลิคอนซึ่งทำให้เคลื่อนไหวได้ไม่ราบรื่นดังนั้นโซอิชิโรจึงต้องสมัครเป็นนักเรียนสมทบภาคค่ำที่โรงเรียนช่างอุตสาหกรรมฮานามัตษุเพื่อศึกษาเพิ่มเติมสิ่งใดที่โซอิชิโรไม่รู้เขาก็ยอมกราบกรานขอให้ผู้อื่นสอนโซอิชิโรเรียนและทำวิจัยไปพร้อมกันหลังจากเริ่มทำการทดลองทำแหวนลูกสูบได้ประมาณ9เดือนก็ประสบความสำเร็จสามารถผลิตแหวนลูกสูบที่คุณภาพใช้ได้และโซอิชิโรได้ตั้งโรงงานไทโกเซกิขึ้นเพื่อผลิตวงแหวนลูกสูบจำนวนมากแต่โซอิชิโรก็ต้องประสบปัญหาด้านคุณภาพของผลิตภัณฑ์อีกทำให้โซอิชิโรต้องเดินทางไปหาความรู้เพิ่มเติมอีกที่มหาวิทยาลัยจักรพรรดิแห่งภาคอีสานซึ่งเป็นยอดแห่งวิชาด้านโลหะและโรงงานเหล็กมูโรรังซึ่งเก่งด้านเทคโนโลยีในการผลิตกระบอกปืน

ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่2ประเทศญี่ปุ่นประสบภาวะเศรษฐกิจตกต่ำที่สุดทำให้ยอดขายรถของฮอนด้าลดลงอย่างมากและสินค้าหลักของฮอนด้ามีปัญหาคือรถรุ่นDreamทำให้ฮอน-ด้าจำเป็นที่จะต้องหันกลับมาผลิตรถรุ่นDream200ซีซีที่คนนิยมอีกเพื่อให้รอดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้โดยฝ่ายบริหารจำเป็นต้องจัดประชุมผู้ส่งวัสดุอุปกรณ์ให้ฮอนด้าเพื่อขอความร่วมมือในการที่ฮอนด้าจะชำระเงินค่าวัสดุอุปกรณ์ที่สั่งมาเพียง30%ก่อนเท่านั้นและผู้ส่งวัสดุอุปกรณ์ทุกคนก็ให้ความร่วมมือกับทางฮอนด้าต่อมาโซอิชิโรก็สามารถหาต้นเหตุแห่งปัญหาของรถรุ่นDreamที่มาจากคาร์บูเรเตอร์และดำเนินการแก้ไขปรับปรุงจนสำเร็จได้ทำให้ยอดขายรถรุ่นDreamก็กลับฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง

ในช่วงที่บริษัทฮอนด้าสามารถครองความเป็นเจ้าในวงการรถสองล้อของโลกได้สำเร็จโซอิชิโรได้ทำตามเป้าหมายต่อไปของเขาคือรถ4ล้อและเพื่อเป้าหมายนี้โซอิชิโรได้แยกฝ่ายวิจัยออกมาก่อตั้งเป็นสถาบันวิจัยเทคโนโลยีฮอนด้า(บริษัทจำกัด)เพื่อทำการวิจัยและพัฒนารถสี่ล้อแต่ปรากฎว่าทางรัฐบาลกำลังจะมีการออกกฎหมายเพื่อป้องกันให้มีบริษัทผลิตรถยนต์4ล้อเพิ่มขึ้นอีกเพราะรัฐบาลเกรงว่าถ้าปล่อยให้มีผู้ผลิตรถยนต์4ล้อมากเกินไปจนเกิดการแข่งขันกันอย่างเกินขอบเขตจะทำให้พลังแข่งขันกับต่างประเทศของประเทศญี่ปุ่นตกต่ำลงดังนั้นบริษัทฮอนด้าจึงต้องเร่งผลิตรถยนต์4ล้อออกสู่ตลาดเพื่อเอาสิทธิในการผลิตให้ได้ก่อนด้วยเหตุนี้สถาบันวิจัยเทคโนโลยีฮอนด้าจึงลงมือวิจัยและพัฒนารถยนต์4ล้ออย่างเร่งด่วนและสามารถออกรถรุ่นแรกคือรถบรรทุกเล็กT360และรถสปอร์ตขนาดเล็กS360ได้ในที่สุดและเป็นการประกาศย่างก้าวเข้าสู่วงการรถยนต์ของฮอนด้า

แนวคิดในการดำเนินธุรกิจในช่วงเริ่มต้น
ช่วงเริ่มต้นโซอิชิโรดำเนินธุรกิจด้วยแนวคิดที่ต้องพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลาต้องนำหน้าคนอื่นอยู่เสมอโดยงานที่ไม่มีใครทำเขาจะทำโซอิชิโรได้พยายามพันไดนาโมใหม่จนสำเร็จสามารถชาร์จไฟได้ซึ่งในสมัยนั้นยังเป็นงานที่ไม่มีใครทำในญี่ปุ่นเพราะถ้าทำอะไรเหมือนคนอื่นชื่อเสียงของบริษัทอาร์ตต้องเสื่อมแน่ซึ่งโซอิชิโรมักไม่พอใจในสภาพปัจจุบันเขาจะหมั่นปรับปรุงอยู่เสมอโดยต่อมาโซอิชิโรได้ปรับปรุงซี่ล้อไม้ซึ่งบิดเบี้ยวง่ายไหม้ง่ายและยังใช้ไม่สะดวกเปลี่ยนมาทำซี่ล้อด้วยโลหะหล่อแทนซึ่งซี่ล้อเหล็กที่โซอิชิโรคิดค้นขึ้นนั้นได้รับคำชมเชยมากเมื่อส่งไปในงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมแห่งชาติและยังผลิตส่งออกไปขายถึงประเทศอินเดีย

วิธีเอาชนะคู่แข่งที่เป็นเจ้าตลาด
โซอิชิโรใช้การพัฒนารถของฮอนด้าอยู่ตลอดเวลาโดยทุ่มเททั้งประสบการณ์และความคิดสร้างสรรรค์ของเขาเพื่อที่จะทำให้ฮอนด้าเป็นรถที่มีเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเท่าที่มนุษย์จะพึงกระทำได้อีกทั้งโซอิชิโรยังต้องการที่จะทำให้รถของบริษัทฮอนด้าก้าวขึ้นสู่ความเป็นระดับโลกด้วยส่งรถฮอนด้าเข้าร่วมการแข่งขันรถสูตร1ฟอร์มูลาร์-วันที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงหลังจากลงสนามแข่งรถยนต์ได้2ปีรถของฮอนด้าก็สามารถก็สามารถคว้าชัยชนะเป็นครั้งแรกสำหรับF1กรังด์ปรีซ์ซึ่งเป็นการประกาศศักดาทางเทคโนโลยีของฮอนด้าให้โลกรับรู้

จุดพลิกผันของธุรกิจ
หลังจากเมืองฮานามัตษุได้ถูกกองทัพอเมริกันทิ้งระเบิดอย่างหนักหน่วงจนกระทั่งถูกไหม้รายเป็นหน้ากลองสงครามก็ได้สิ้นสุดลงโซอิชิโรก็ขายสิทธิ์ในกิจการบริษัทไทโกเซกิให้กับบริษัทโตโยดะไปหมดสิ้นและเขาได้เริ่มใช้ชีวิตเที่ยวเล่นตามสบายที่บ้านเดิมของภรรยาแต่ไม่นานนักโซอิชิโรก็เริ่มเบื่อการเที่ยวเล่นและเขาได้ซื้อโรงงานร้างจากบ้านเกิดและนำมาสร้างใหม่บนที่ดินของบริษัทโทโกเซกิเดิมที่เมืองฮานามัตษุและขึ้นป้ายในนามของ“สถานวิจัยเทคโนโลยีฮอนด้า”ขึ้นมาโซอิชิโรได้ลองผิดลองถูกมาตลอดในการหาว่าจะผลิตสินค้าอะไรดีจนกระทั่งวันหนึ่งโซอิชิโรได้ผลิตรถจักรยานติดเครื่องยนต์ออกมาจำหน่ายและตลาดได้ตอบรับรถจักรยานติดเครื่องยนต์นี้อย่างมากโดยมีการสั่งซื้อจนสถานวิจัยเทคโนโลยีฮอนด้าผลิตให้ไม่ทันทำให้สถานวิจัยฮอนด้าต้องจ้างพนักงาน12คนและทำงานเต็มกำลังทุกวัน

ต่อมาชื่อเสียงของรถจักรยานติดเครื่องยนต์ขจรขจายก็เริ่มมีผู้ผลิตเลียนแบบแต่ทว่า
โซอิชิโรได้พยายามไปข้างหน้าหนึ่งก้าวเสมอด้วยการพัฒนาเครื่องยนต์ติดรถจักรยานแบบAขึ้นมาด้วยตนเองและต่อมาก็ได้พัฒนาจนสามารถผลิตรถจักรยานยนต์รุ่นแรกของบริษัท(รุ่นDreamD)ออกมาจำหน่ายได้แม้ว่ายอดขายรถDreamDจะดีแต่ก็ไม่สามารถเก็บเงินจากการขายสินค้าไปแล้วได้เป็นจำนวนมากจนกระทั่งมีเพื่อนสนิทซึ่งเข้าใจสภาพทางด้านการขายของบริษัทฮอนด้าแนะนำให้โซอิชิโรได้รู้จักกับฟุจิซาวะซึ่งมีความสามารถทางด้านธุรกิจอย่างมากมาเป็นผู้ร่วมงานและช่วยวางรากฐานให้กับบริษัททั้งในด้านการจัดหาทุนเพื่อขยายและวางเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่ดีให้แก่บริษัทฮอนด้าทำให้ช่วยลดภาระของโซอิชิโรลงได้อย่างมากและช่วยให้เขาได้ใช้พรสวรรค์ที่มีอย่างเต็มที่ในการพัฒนารถของฮอนด้าซึ่งต่อมาโซอิชิโรก็สามารถคิดค้นรถจักรยานยนต์รุ่นDreamซึ่งใช้เครื่องยนต์แบบE(4จังหวะ146ซีซี)และรถจักรยานยนต์ติดเครื่องยนต์รุ่นใหม่CABF(เครื่องยนต์50ซีซี1.2แรงม้า)ออกมาได้โดยรถจักรยานยนต์2รุ่นนี้ของฮอนด้าได้รับความนิยมสูงมากทำให้โรงงานเดิมมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอโซอิชิโรจึงต้องสร้างโรงงานใหม่เพิ่มขึ้นและมีการลงทุนด้านอุปกรณ์และเครื่องจักรอย่างมโหฬารส่งผลให้บริษัทฮอนด้าได้กลายมาเป็นบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่นได้ในที่สุด

การขยายธุรกิจเมื่อบริษัทฮอนด้ามีแผนการผลิตสินค้าใหม่ๆหลายอย่างออกมาซึ่งทำให้ต้องมีการซื้อเครื่องจักรจากต่างประเทศมาเพิ่มเติมราคาสูงถึง1,500ล้านซึ่งการลงทุนอุปกรณ์และเครื่องจักรอย่างมโหฬารของบริษัทฮอนด้าครั้งนี้ทำให้บริษัทกลายเป็นผู้ผลิตจักรยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นแล้วนั้นโซอิชิโรได้ส่งรถจักรยานยนต์ของฮอนด้าเข้าแข่งT.T.Race(TouristRace)ที่เกาะแมนของอังกฤษซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่างนักแข่งรถระดับยอดของโลกเพื่อชิงความเป็นเจ้าในด้านเทคนิคและความเร็วเปรียบเหมือนโอลิมปิกของรถจักรยานยนต์เพื่อต้องการให้รถจักรยานยนต์ของฮอนด้าก้าวขึ้นสู่ระดับโลกโดยฮอนด้าได้สร้างแผนกวิจัยขึ้นเพื่อพัฒนารถแข่งขึ้นมาในระยะเวลา2ปีหลังจากนั้นรถจักรยานยนต์ของฮอนด้าก็สามารถคว้าแชมป์ของการแข่งขันT.T.Raceที่เกาะแมนนั้นได้

เมื่อฮอนด้าสามารถครองความเป็นเจ้าในวงการรถสองล้อของโลกได้สำเร็จโซอิชิโรก็มีเป้าหมายต่อไปคือการผลิตรถสี่ล้อเพื่อทำตามความฝันตั้งแต่เยาว์วัยของเขาโดยโซอิชิโรได้ทำการแยกฝ่ายวิจัยออกมาเพื่อก่อตั้งเป็นสถาบันวิจัยเทคโนโลยีฮอนด้า(บริษัทจำกัด)เพื่อทำการวิจัยและพัฒนารถยนต์4ล้อจนในที่สุดฮอนด้าก็สามารถออกรถของบริษัทรุ่นแรกได้คือรถบรรทุกเล็กT360และรถสปอร์ตขนาดเล็กS360

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น