Pages

“กลุ่ม โบโก ฮาราม”

โฉมหน้า อาบูบาการ์ เชเกา หัวหน้ากลุ่มโบโก ฮาราม

โดยไทยรัฐ เมื่อ 9 พ.ค.2557

พ่อแม่และญาติของนร.หญิงที่ถูกลักพาตัวไปมาชุมนุมให้ทางการเร่งติดตามหาลูกๆของพวกตน

“ทุกๆวัน เมื่อผมตื่นขึ้นมา ผมคิดถึงเกี่ยวกับเด็กนักเรียนหญิงในไนจีเรีย หรือเด็กๆที่ถูกจับตัวไปในความขัดแย้งทึ่ซีเรีย เมื่อยังมีเวลาเหลืออยู่ ผมต้องการช่วยชีวิตเด็กๆเหล่านั้น ผมคิดถึงวิธีการต่างๆและอำนาจที่เรามีเท่าที่จะทำได้ทุกช่วงขณะ ”

เป็นคำกล่าวของประธานาธิบดีบารัก โอบามา แห่งสหรัฐฯ เมื่อค่ำคืนวันพุธที่ 7 พ.ค. เกี่ยวกับเหตุรุนแรงที่เกิดกับเด็กนักเรียนหญิงชาวไนจีเรีย กว่า 200 คน ในเมืองชีบ็อก รัฐบอร์โน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถูกกลุ่มมุสลิมติดอาวุธ ‘โบกา ฮาราม’ลักพาตัวไปอย่างอุกอาจ ตั้งแต่กลางเดือนเมษายน ที่ผ่านมา

จะว่าไป ถ้าไม่มีผู้นำหลายประเทศ และประชาชนทั่วโลกออกมาเรียกร้องให้ช่วยกันติดตามค้นหาและ แสดงความห่วงใยชะตากรรมของเด็กนักเรียนหญิงที่เริ่มเป็นสาวแล้วเหล่านี้ รัฐบาลไนจีเรีย ภายใต้การนำของประธานาธิบดีกู๊ดลัก โจนาธาน อาจ ยังไม่ใส่ใจที่จะตามหาเด็กนักเรียน276 คนสักเท่าไหร่...

เพราะทั้งที่เหตุการณ์ลักพาตัวผ่านมาแล้วหลายวัน แต่ทางการไนจีเรีย ก็ยังเฉยๆอยู่.. กระทั่งหัวหน้ากลุ่มโบโก ฮาราม ต้องออกมากระพือข่าว..ประมาณเล่นเอง ชงเอง... หวังสร้างความสนใจให้กับเหตุการณ์ที่พวกตนลงมือไปมากขึ้น

ทั้งออกมาประกาศยอมรับว่าเป็นกลุ่มที่ลักพาตัวเด็กไนจีเรีย จากนั้น ยังขู่จะขายเด็กนักเรียนเหล่านี้ไปเป็น ทาส หรือ เป็น ‘เมีย’แก่ผู้ที่จ่ายเงินซื้อ...

นับว่าได้ผล เพราะไม่นานต่อมา ได้เกิดกระแสเรียกร้องมากมายผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ วิงวอนให้นานาประเทศช่วยกันติดตามหาเด็กนักเรียนหญิงไนจีเรียเหล่านี้อย่างจริงจัง

ขณะที่ รัฐบาลหลายประเทศ โดยเฉพาะ สหรัฐฯ,อังกฤษ และจีน ยังเสนอให้ความช่วยเหลือทางการไนจีเรียช่วยตามหาเด็กอย่างเต็มที่ จนทำให้เหตุการณ์ลักพาตัวเด็กนักเรียนชาวไนจีเรีย ประเทศในแอฟริกาตะวันตก ได้รับความสนใจจากประชาคมโลกมากขึ้นอย่างมาก..

ชาวไนจีเรียออกมาประท้วงให้เร่งติดตามหาเด็กนักเรียนหญิงกว่า 200 คน

ที่สำคัญ ได้ส่งผลให้รัฐบาลไนจีเรีย ‘เพิ่งตื่น ’มาลงมือตามหาเด็กอย่างจริงจัง หลังโดนชาวไนจีเรียชุมนุมประท้วงไม่ได้ไห้ความสำคัญ สนใจกับเรื่องนี้เอาเสียเลย

‘กลุ่มโบโก ฮาราม’ เป็นใครมาจากไหน?? ถึงได้เหี้ยมโหดป่าเถื่อนผิดมนุษย์มนา ขนาดนี้ !! เป็นเรื่องที่ใครๆย่อมอยากรู้...

กลุ่มโบโก ฮาราม เป็นกลุ่มมุสลิมสุดโต่ง มีฐานอยู่ทางภาคเหนือของไนจีเรีย โดยชื่อโบโก ฮาราม เป็นภาษาฮัวซา ชนเผ่าหนึ่งของไนจีเรีย หมายถึง “การศึกษาตะวันตกเป็นสิ่งต้องห้าม” โดยเป้าหมายของกลุ่มนี้ คือ การจัดตั้งรัฐอิสลาม และใช้กฏหมายชาเรียเต็มรูปแบบในรัฐทางภาคเหนือ

สำหรับกฏหมายชาเรีย หรือชะรีอะฮ์ (Sharia Shari’ah) คือประมวลข้อปฏิบัติต่างๆของกฏหมายศาสนาอิสลาม ครอบคลุมวิธีการดำเนินชีวิตประจำวันในแทบทุกด้าน

กลุ่มโบโก ฮาราม ก่อตั้งโดยโมฮัมหมัด ยูซุฟ อิหม่ามที่ได้รับความศรัทธามีผู้ให้ความเคารพมากมาย ในรัฐบอร์โน เมื่อ 12 ปีก่อน โดยยูซุฟ ได้ปลูกฝังความต้องการก่อตั้งรัฐอิสลามทางภาคเหนือ โดยใช้สันติวิธี จนได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆจากชาวบ้านที่ยากจน ในรัฐบอร์โนและรัฐเพื่อนบ้าน ทั้งชาดและแคเมอรูน แต่ความมีชื่อเสียงของยูซุฟ ทำให้เขาถูกทางการไนจีเรียจับกุมและส้ินชีพในที่สุด

หลังจากนั้น อิหม่าม อาบูบาการ์ เชเกา ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้ากลุ่มโบโก ฮาราม คนใหม่ ซึ่งชายผู้นี้ถือเป็นคนที่มีความลึกลับ และเต็มไปด้วยปริศนา ขนาดแม้แต่อายุอานามที่แท้จริงยังไม่มีใครรู้แน่ชัด มีแต่กะประมาณราวๆ 35-44 ปี ที่สำคัญ ยังไม่แน่ใจว่า ตอนนี้ เชเกา ยังมีชีวิตอยู่ หรือว่าดับดิ้นสิ้นใจตายไปแล้ว??

แต่ไม่ว่า เชเกา ‘จะอยู่หรือตาย’ เขากลับนำกลุ่มโบโก ฮาราม เดินทางผิด... เลือกใช้วิธีรุนแรงเหี้ยมโหดอุกอาจผิดมนุษย์มนา ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเริ่มจากพาตัวและสังหารชาวตะวันตก จากนั้นได้ยกระดับความรรุนแรงเป็นการวางระเบิดโจมตีโบสถ์คริสต์ มัสยิด และอาคารที่ทำการรัฐ ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 1,500 ราย ไร้ที่อยู่หลายแสนคน รวมถึง โรงเรียนและอาคารที่ทำการรัฐถูกทำลายวายวอดไปเป็นจำนวนมาก

เมื่อปี 2556 รัฐบาลสหรัฐฯเพิ่งหมายหัวให้ กลุ่มโบโก ฮาราม เป็กลุ่มก่อการร้ายเครือข่ายข้ามชาติ เพราะเชื่อว่ามีสายสัมพันธ์กับกลุ่มอัลเควด้าในคาบสมุทรอาหรับ ซึ่งมีฐานอยู่ในประเทศเยเมน และกลุ่มอัลซาบับ ในประเทศโซมาเลีย

ขณะเดียวกัน ทางการสหรัฐฯยังตั้งรางวัลค่าหัวบอกเบาะแสนำจับ เชเกา หัวหน้ากลุ่มโบโก ฮาราม ไว้สูงถึง 7 ล้านดอลลาร์ หรือราว 224 ล้านบาท เลยทีเดียว

ด้วยเหตุนี้ ทำเนียบขาวจึงพร้อมจะให้ความสนับสนุนทั้งด้านเทคนิคและการเงินแก่ทางการไนจีเรียอย่างเต็มที่ในการต่อสู้กับกลุ่มโบโก ฮาราม เพื่อหวังจะปราบปรามขุดรากถอนโคนกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติ อีกทั้ง สหรัฐฯยังมองไนจีเรียว่าเป็นประเทศที่ร่ำรวยด้วยน้ำมัน ขณะที่จีน จัดไนจีเรียเป็นคู่ค้าที่สำคัญ เนื่องจากมีประชากรถึง 175 ล้านคน ซึ่งถือเป็นจำนวนมากที่สุดในทวีปแอฟริกา และยังเป็นศูนย์กลางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคแอฟริกาอีกด้วย

ระหว่างวันที่ 7-9 พ.ค.นี้ รัฐบาลไนจีเรีย ยังรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเศรษฐกิจโลก หรือ เวิลดิ์ อิคอนอมิก ฟอรัม ที่กรุงอาบูจา เพียงแต่ต้องมาเกิดเหตุรุนแรงในประเทศ ทำลายบรรยากาศการประชุมขึ้นเสียก่อนโดยน้ำมือของกลุ่มโบกา ฮาราม

ด้วยสายสัมพันธ์อันดีของรัฐบาลสหรัฐฯ และจีนที่มีต่อทางการไนจีเรีย จึงทำให้ชาติยักษ์ใหญ่ทั้งสองประเทศ รวมถึงอังกฤษ ยื่นมือมาช่วยเหลือในการติดตามค้นหาเด็กนักเรียนนหญิงที่ถูกจับตัวไปกว่า 200 คนอย่างเต็มที่

จัดส่งทั้งกำลังทหาร และความช่วยเหลือด้านต่างๆ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ด้านหน่วยข่าวกรอง และทีมเจรจามาต่อรองเพื่อให้กลุ่มโบโกฮารามยอมปล่อยเด็กๆ

ท่ามกลางความพยายามในการติดตามหาเด็กนักเรียนจากเมืองชีบ็อก กลุ่มโบโก ฮาราม ก็สำแดงฤทธิ์เดช ด้วยการส่งสมาชิกบุกไปโจมตีหมู่บ้านกัมโบรู เอ็นกาลา สังหารชาวบ้านอย่างน่าสยดสยอง ดับอนาถไปอีกราว 150-300 ศพ เหมือนเป็นการตอบโต้ที่รัฐบาลไนจีเรียยอมรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลต่างชาติ...

เพียงแต่ ถึงบัดนี้ ยังไม่มีใครรู้เบาะแสว่ากลุ่มโบโก ฮาราม พาเด็กนักเรียนหญิงกว่า 200 คนไปหลบซ่อนไว้ที่ไหน??

“Bring Back Our Girls” มิเชล โอบามา สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในคนดังที่ร่วมส่งข้อความผ่านทวีตเตอร์และรณรงค์เรียกร้องให้ช่วยกันนำเด็กหญิงชาวไนจีเรียกลับคืนมาอย่างปลอดภัย

เช่นเดียวกับประชาชนทั่วทุกมุมโลกที่ช่วยกันส่งข้อความ “Bring Back Our Girls”กันอย่างทุ่มเทหมดใจ...

กลุ่มก่อการร้ายโบโกฮาราม(boko haram)

 
โดยวอยซ์ทีวี เมื่อ 8 พ.ค.2557

กลุ่มก่อการร้ายโบโกฮารามซึ่งได้ลักพาตัวนักเรียนหญิงชาวไนจีเรีย 276 ชีวิต เมื่อวันที่ 15เมษายนที่ผ่านมา ได้เปิดศึกโจมตีหมู่บ้านกัมโบรู เอ็นกาลาทางตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรียซึ่งกองทัพได้้เป็นฐานสำหรับการไล่ล่าค้นหาเด็กนักเรียนหญิงที่ถูกลักพาตัวไปเพื่อเป็นการประกาศศึกท้าทายต่อการที่ประธานาธิบดีกู๊ดลักโจนาธานได้ตอบรับความช่วยเหลือจากสหรัฐอเมริกา อังกฤษและจีนในการติดตามค้นหาเด็กนักเรียนหญิง

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมากลุ่มก่อการร้ายโบโก ฮารามเป็นกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงที่ต้องการให้ประเทศไนจีเรียปกครองโดยกฎหมายชาริอาห์ตามศาสนาอิสลาม โดยกลุ่มโบโกฮารามได้อาศัยความได้เปรียบจากอากาศที่หนาวเย็นและเงียบสงัดในเวลา 1.30 น.ของหมู่บ้านกัมโบรู เอ็นกาลา ซึ่งเป็นพื้นที่ทะเลทรายเปิดฉากยิงร้านค้าและเจ้าของร้านในบริเวณตลาด หลักจากนั้นก็ใช้เวลาถึง 12ชั่วโมงเต็ม ในการจุดไฟเผาบ้านเรือนและยิงประชาชนที่พยายามหลบหนีซึ่งการโจมตีครั้งนี้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 300 คน ตำรวจเสียชีวิต 4 นายในจำนวนนี้มีประชาชนที่ถูกเผาทั้งเป็น และร้านค้าในบริเวณตลาดกลางเมืองยังถูกเผาวายวอด

ประเทศไนจีเรียเป็นประเทศที่มีประชากรกว่า 170 ล้านคนและเป็นประเทศที่มีความขัดแย้งทางศาสนาระหว่างภูมิภาคทางตอนเหนือของประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามกับทางตอนใต้ที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ โดย "โบโก ฮาราม"เป็นเครือข่ายก่อการร้ายที่ก่อตั้งมาประมาณ 5 ปีโดยมีฐานที่มั่นในบริเวณตอนเหนือของประเทศไนจีเรียซึ่งได้รับความสนับสนุนจากเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะ และเครือข่ายก่อการร้ายอื่นๆ ในแอฟริกาตะวันตก นักรบโบโก ฮามามักถูกฝึกฝนในฐานที่มั่นทางตอนใต้ของประเทศโซมาเลีย

โบโก ฮารามเป็นกลุ่มก่อการร้ายที่ออกมาประกาศว่าการเสียชีวิตของชาวมุสลิมและชาวคริสต์กว่า1,500 คนในช่วงปีที่ผ่านมาเป็นฝีมือของตน โดยชื่อ "โบโก ฮาราม" มีความหมายว่า"การศึกษาแบบตะวันตกเป็นสิ่งที่บาป" ดังนั้นแล้ว เป้าหมายในการโจมตีของกลุ่มจึงได้แก่โรงเรียน,โบสถ์, มัสยิด และสถานที่ราชการต่างๆ อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลัง กลุ่มโบโกฮารามได้ขยายเป้าหมายออกไป จนประทั่งประชาชนธรรมดาและตลาดก็เป็นเป้าหมายในการโจมตีไปด้วย

ภายหลังจากการลักพาตัวเด็กนักเรียนหญิงกว่า276 ชีวิตในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางกลุ่มโบโกฮารามได้ออกประกาศว่าจะขายเด็กหญิงเหล่านี้ไปเป็นทาสก่อให้เกิดการประท้วงของประชาชนชาวไนจีเรียต่อรัฐบาลเนื่องจากปฏิบัติการค้นหาเด็กหญิงที่เป็นไปอย่างล่าช้าและรัฐบาลยังปกปิดเรื่องดังกล่าวจากนานาชาติกว่าที่เรื่องจะแดงขึ้นมาเวลาก็ผ่านไปแล้วถึง 3 สัปดาห์

ด้วยเหตุนี้รัฐบาลไนจีเรียจึงต้องยอมรับความช่วยเหลือจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา อังกฤษและจีนในช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา และเมื่อวันพุธที่ 7รัฐบาลยังได้ตั้งรางวัลสำหรับผู้ที่ให้ข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อทางการในการตามหาเด็กหญิงถึง310,000 ดอลลาห์สหรัฐ และรัฐบาลสหรัฐยังตั้งค่าหัวหัวหน้ากลุ่มโบโกฮารามถึง 7บ้านดอลลาห์สหรัฐ ดังนั้น การโจมตีหมู่บ้านกัมโบรู เอ็นกาลาจึงถูกมองว่าเป็นการที่กลุ่มก่อการร้ายพยายามท้้าทายรัฐบาลไนจีเรียและนานาชาตินั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีความพยายามของบรรดาชาวเน็ต ที่จะรณรงค์ให้นานาชาติเข้าร่วมปฏิบัติการค้นหาเด็กหญิงและประณามการกระทำของกลุ่มก่อการร้าย โดยการติด #BringBackOurGirlsในทวีตเตอร์และเฟซบุค และนอกจากนี้ คนดังและทนายความอีกกว่า 450,000คนยังร่วมลงชื่อในเว็บไซต์ change.org ที่เรียกร้องให้รัฐบาลไนจีเรีย ทำวิถีทางเพื่อนำตัวเด็กหญิงกลับมาอย่างปลอดภัยด้วย