Pages

เฉลียว "Red Bull"

โดยมติชน เมื่อ 25 มี.ค.2555

แทบจะเป็นขั้วตรงกันข้าม

ระหว่าง ความ "เงียบ"

กับ EXTREME-เอ็กซ์ตรีม อันเป็นภาวะสุดขีด ที่มากด้วยความตื่นเต้น เร้าใจ

Red Bull ผงาดเป็นสินค้าระดับโลกเคียงคู่กับกีฬาเอ็กซ์ตรีม มาโดยตลอด

แต่ "เฉลียว อยู่วิทยา" ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิด กับอยู่อย่างเงียบเชียบ แม้กระทั่งจากโลกนี้ไป วัย 89 ปี เมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่ผ่านมา

พิธีศพ ณ วัดเครือวัลย์วรวิหาร ก็ยังคงยึดแนวทาง "เงียบ" โดยเคร่งครัด

วัดแห่งนี้เป็นเพียงวัดพระอารามหลวงชั้นตรี หรือวัดประจำหัวเมืองธรรมดา ไม่ใช่พระอารามหลวงชั้นเอก หรือ ชั้นโท อย่างที่มหาเศรษฐีรายอื่นๆ นิยมจัดงานศพ

"สุทธิรัตน์ อยู่วิทยา" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด ลูกสาวคนโตของ "เฉลียว" 

บอกว่า

"เหตุผลที่เลือกวัดเครือวัลย์ฯ จัดพิธีศพ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของคุณพ่อที่ต้องการให้จัดพิธีศพอย่างเรียบง่าย จึงไม่เลือกวัดแห่งอื่นในกรุงเทพฯ"

ขณะที่คนของกระทิงแดง บอกว่า วัดเครือวัลย์ฯ ยังอยู่ใกล้บ้านและที่ทำงานของพนักงานบริษัทเครื่องดื่มชูกำลังกระทิงแดง ที่ตั้งอยู่ถนนเอกชัย เป็นย่านฝั่งธนบุรีเหมือนกัน เดินทางมาร่วมงานได้สะดวก เจ้าสัวก็เลยเลือกวัดนี้

นี่แหละ "เฉลียว อยู่วิทยา"

ดูเหมือนว่า เจ้าพ่อกระทิงแดง จะให้ผู้คนรู้จักชีวิตของตัวเองแค่ความเป็นคนเรียบง่าย ไม่นิยมและสวมใส่เครื่องประดับใด ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงนาฬิกาเรือนเดียวผูกข้อมือ

เป็นคนเชื้อสายจีนไหหลำ ปู่มาจากเมืองจีน ย่าเป็นคนไทย

การศึกษาจบเพียงชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนพิจิตรวิทยาคม จ.พิจิตร

ครอบครัวมีอาชีพเลี้ยงเป็ด และขายผลไม้

เฉลียวเข้ามากรุงเทพฯ ช่วยพี่ชายทำงานร้านขายยา

แล้วมาเป็นเซลส์แมนขายยาออริโอมัยซิน ของบริษัท เอฟ.อีซิลลิคฯ ก่อนที่จะมาเป็นตัวแทนนำเข้ายามาจำหน่ายเอง และตั้งโรงงานผสมยา

ว่ากันว่า เหตุที่ต้องติดต่อกับต่างประเทศมากนี้เอง ที่ทำให้เฉลียว ฝึกฝน จนสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี

ต่อมาตั้งบริษัท ทีซีมัยซิน ผลิตแป้งแทตทู ยาเด็กเบบี้ดอล

แล้วจึงกระโดดเข้าไปทำเครื่องดื่มชูกำลัง กระทิงแดง โดยใช้กลยุทธ์ขายแบบตรงไปตรงมา

ทำให้ กระทิงแดง "ซู่ซ่า" ขายดิบขายดี

อาณาจักรของเฉลียว ใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ตัวของเขาก็เล็กลงเรื่อยๆ เช่นกัน

จนแทบจะไม่มีตัวตน แม้จะมีชื่อติดเศรษฐีอันดับหนึ่งของไทย และอันดับ 205 ของโลก ก็ตาม

"เฉลียว" แทบจะไม่เคยให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน

ทุกอย่างเป็นเรื่อง "ลึกลับ"

มีเพียงลูกสาว สุทธิรัตน์ ที่เคยให้สัมภาษณ์ถึงพ่อว่า สมถะเรียบง่าย แต่งตัวธรรมดาด้วยเสื้อตัวเดียว นุ่งกางเกงแพร สวมหมวกงอบ มีกิจวัตรประจำวันในช่วงยังดูแลธุรกิจคือ ขี่จักรยานวนไปรอบๆ โรงงาน เจออะไรไม่เรียบร้อย จะแวะเข้าไปดู
"วิรัตน์ แสงทองคำ" 


เคยเขียนเรื่องของเฉลียว ในมติชนสุดสัปดาห์ เมื่อ 1 เมษายน 2554 หรือเมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา ซึ่งดูจะ "ลึก และ ลับ" มากกว่าข้อมูลอื่นๆ ที่เผยแพร่ออกมา

โดยชี้ว่า เฉลียว คือโมเดลของบุคคลธรรมดา ที่สามารถไต่เต้าภายใต้ยุคที่มีผู้ครอบครองอย่างหนาแน่นอย่างน่าสนใจ

เฉลียวสร้างกิจการทีซีฟาร์มาซูติคอล เติบโตอย่างเงียบๆ จากนักขายยาของบริษัทต่างชาติ ไปสู่การสร้างกิจการด้วยตนเองพร้อมๆ กับตัวแทนผลิตและจำหน่ายสินค้าต่างประเทศ

จนถึงผลิตสินค้าเครื่องดื่มชูกำลังเข้าสู่ตลาดฐานกว้างในนาม "กระทิงแดง" ในยุคหลังสงครามเวียดนาม

ต่อมาเขาจึงเข้าถือหุ้นจำนวนพอสมควรในธนาคารกสิกรไทย จนได้รับเสนอชื่อเป็นกรรมการธนาคาร

และอยู่ในตำแหน่งกรรมการธนาคารมายาวนาน

ซึ่งเข้าใจกันในเวลาต่อมาว่านี่เป็นการลงทุนในกิจการที่มีการบริหารจัดการที่ดี

ซึ่งอาจเป็นต้นแบบหนึ่งของเฉลียว

กระทั่งเมื่อธนาคารกสิกรไทยปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อตอบสนองระบบธนาคารโลก เฉลียวจึงพ้นตำแหน่งกรรมการไป

เมื่อกล่าวถึงความสำเร็จของเฉลียว คงจะเว้นไม่กล่าวถึง ดีทริช มาเตอซิทซ์ (Dietrich Mateschitz) ไม่ได้
พ.ศ.2527 เฉลียวได้ลงทุนร่วมกับ 
 
ดีทริช มาเตอซิทซ์ นักธุรกิจชาวออสเตรีย 

ก่อตั้งบริษัท Red Bull GmbH. ในประเทศออสเตรีย โดยเฉลียวถือหุ้น 49% และเฉลิมลูกชายถือหุ้นอีก 2%

ดีทริช มีบทบาทค่อนข้างสูงในการผลักดันให้เครื่องดื่มให้กำลังงานภายใต้ชื่อ RED BULL โด่งดัง และขยายตลาดออกไปทั่วโลก

ถึงขนาดมีระบุว่า ดีทริช มาเตอซิทซ์ เป็นคนสร้างแบรนด์นี้ขึ้นมา

และได้รับการยกย่องว่า นักการตลาดที่เก่งกาจของโลก ด้วยการสร้างสินค้าใหม่ เข้าสู่ตลาดใหม่ และสร้างประเภทตลาดขึ้นใหม่อย่างมหัศจรรย์

Red Bull กลายเป็นสินค้าอันดับหนึ่งของตลาดสินค้าเครื่องดื่มชูกำลังที่กำลังเติบโตอย่างมากในโลกตะวันตก ครอบคลุมตลาดประมาณ 100 ประเทศ โดยครองส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 70% มียอดขายมากกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐ

โดยวางยุทธศาสตร์ของธุรกิจ ที่มุ่งไปยังการสร้างความเชื่อมโยงกับกีฬาเอ็กซ์ตรีม ที่แสนโลดโผน และดนตรี

ปัจจุบัน Red Bull มีทีมกีฬาของตนเองในหลายประเทศทั่วโลก รวมทั้งทีมรถแข่งเอฟ-วัน ด้วย

แม้ชื่อ ดีทริช มาเตอซิทซ์ จะโด่งดังเหนือ เฉลียว อยู่วิทยา

แต่เมื่อปี 2546 เมื่อ Forbes จัดกลุ่มผู้ร่ำรวยระดับพันล้านเหรียญสหรัฐ (World?s Billionaires) ชื่อของ ดีทริช มาเตอซิทซ์ และ เฉลียว อยู่วิทยา อยู่เคียงข้างกัน และในปีต่อๆ มาก็มักจะเคียงคู่กันเสมอ
นั่นแสดงว่า แม้ ดีทริช มาเตอซิทซ์ จะเป็นที่รู้จักมากกว่า

แต่ เฉลียว ก็ยังคงสามารถยืนเคียงข้างอยู่ได้

ซึ่งนั่นย่อมต้องสะท้อนถึงเซลส์แมนที่เติบโตมาจากรากหญ้า เมืองพิจิตร ต้อง "มีดี" อย่างมาก จึงสามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างมั่นคงในธุรกิจระดับโลก

เพียงแต่ เฉลียว เลือกที่จะเงียบ ไม่ว่า Red Bull จะเอ็กซ์ตรีมสุดขีดคลั่งอย่างไรก็ตาม

วันนี้เฉลียวจากไปอย่างสงบ ทิ้งทรัพย์สินและหุ้นใน Red Bull มูลค่ากว่า 1.5 แสนล้านบาทเอาไว้เบื้องหลัง

บัวขาว ป.ประมุข

โดยไทยรัฐ เมื่อ 12 มี.ค.2555

หลัง "ดำดอทคอม" บัวขาว ป.ปะมุข หรือชื่อจริงนายสมบัติ บัญชาเมฆ นักชกวัย 29 ปี เจ้าของตำแหน่งแชมป์ เค-วัน สองสมัย และเจ้าของรางวัลนักกีฬาอาชีพดีเด่นของการกีฬาแห่งประเทศไทย หายตัวไปจากค่ายอย่างลึกลับตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม พร้อมรถยนต์บี เอ็มดับบลิว สร้างความเป็นห่วงแก่คนในครอบครัวและแฟนมวยชาวไทย เกรงว่าจะเป็นอันตราย และยังทิ้งเงินก้อนโตในการโชว์ตัวในรายการต่างๆอย่างไม่แยแส

แต่ล่าสุดวันที่ 12 มี.ค.เวลา 16.30 น. "บัวขาว" ได้โผล่ตัวพร้อมด้วยสายชล ป.ประมุข เทรนเนอร์คู่ใจ ที่มนตรี สตูดิโอ ซอยลาดพร้าว 101 เพื่อเปิดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น โดยออกมาระบุว่า มีปัญหาด้านจิตใจเล็กน้อย และยังมีอาการบาดเจ็บที่ยังไม่หายดี ทำให้ไม่สามารถที่จะขึ้นชกตามโปรแกรมที่วางไว้ ติดต่อกันหลายไฟล์ได้

ที่สำคัญเกิดความน้อยใจส่วนตัวที่มีต่อ "ธีรพัฒน์ โรจนตัณฑ์" ผู้จัดการ ซึ่งเป็นลูกชายของ "กำนันแก๊" ประมุข โรจนตัณฑ์ หัวหน้าค่าย ป.ประมุข ที่สั่งสมมานานถึง 3 ปี ส่วนเรื่องเงินไม่มีปัญหาแต่อย่างใด และบอกอย่างชัดเจนว่า ได้ตัดสินใจฉีกสัญญากับค่าย ป.ประมุข แล้ว ช่วงนี้ขอพักผ่อนรักษาอาการบาดเจ็บ ยังตอบไม่ได้ว่าจะขึ้นชกได้ช่วงไหน... เป็นอันว่า "ดำดอทคอม" ได้ออกมาเปิดเผยความอัดอั้นภายในแล้วแต่อาจแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ต้องติดตามตอนต่อไปกับการตัดสินใจเรื่องอนาคต

ชื่อ-นามสกุล​ : สมบัติ บัญชาเมฆ

ชื่อเล่น : บัติ

ชื่อในวงการ : บัวขาว ป.ประมุข

ฉายา : ดำดอทคอม, แบล็คโกลด์, ไวท์โลตัส

วันเดือนปีเกิด : วันที่ 8 พฤษภาคม 2525

สถานที่เกิด : จังหวัดสุรินทร์ ประเทศไทย

สัญชาติ : ไทย

ส่วนสูง : 174 เซนติเมตร น้ำหนัก : 70 กิโลกรัม

อาชีพ : นักมวยไทย (รุ่น เฟเธอร์เวท, ไลท์เวท, เวลเธอร์เวท)

สถิติการชก : แข่ง 236 ไฟต์ ชนะ 203 ไฟต์ (ชนะน็อก 51 ไฟต์) แพ้ 21 ไฟต์ เสมอ 12 ไฟต์

ประวัติการชกมวยไทย

- บัวขาว เริ่มชีวิตอาชีพนักมวยไทย ตั้งแต่อายุ 8 ขวบ ที่จ.สุรินทร์ ก่อนย้ายมาอยู่กรุงเทพฯ สังกัดค่าย ป.ประมุข เมื่ออายุ 15 ปี จากนั้น เขาคว้าเข็มขัดแชมป์มวยไทยมาครองได้อย่างมากมาย รวมถึง แชมป์เวทีมวยสยามอ้อมน้อย รุ่นเฟเธอร์เวท, แชมป์ประเทศไทย รุ่นเฟเธอร์เวท และแชมป์ที่ เวทีสยามอ้อมน้อย อีกครั้ง ในรุ่นไลท์เวท ขณะที่ในปี พ.ศ. 2545 บัวขาว ชนะเลิศมวยไทยมาราธอนโตโยต้า รุ่น 140 ปอนด์ ที่สนามมวยลุมพินี โดยชนะ โคบายาชิ นักชกชาวญี่ปุ่น

- จากนั้น ปี พ.ศ.2547 บัวขาวชนะเลิศ รายการ เค-วัน เวิลด์ แม็กซ์ 2004 ที่ กรุงโตเกียว ญี่ปุ่น โดยชนะ จอห์น เวย์น พาร์ นักมวยไทยชาวออสเตรเลีย, โคะฮิรุยมาคิ และ มาซาโตะ จากญี่ปุ่น และในปีต่อมา บัวขาวเกือบรักษาแชมป์รายการนี้ได้อีกครั้ง โดยแพ้คะแนน แอนดี ซาวเวอร์ จากเนเธอร์แลนด์​ในนัดชิงชนะเลิศ​อย่างน่ากังขา อย่างไรก็ตาม ในปี พ.ศ.2549 เขาได้เข้าชิงฯ เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ในรายการนี้ และสามารถเอาชนะ เนียกิ โฮลต์ซเคน จากเนเธอร์แลนด์ ได้สำเร็จ พร้อมคว้าแชมป์​เป็นสมัยที่ 2

- ในปี พ.ศ.2551 บัวขาว แพ้น็อกให้กับ โยชิฮิโร่ ซาโตะ จากญี่ปุ่น โดยแฟนมวยบางส่วนกังขาว่ามีการล้มมวย แต่พิจารณาแล้ว พบว่า บัวขาวแพ้น็อกจริงๆ ด้วยเข่าของ ซาโตะ ทำให้จุกและโดนหมัดฮุกเข้าที่กกหูสลบคาเวที ซึ่งถือเป็นความเสียใจอย่างยิ่งของคนไทยครั้งหนึ่ง

ถัดมา ปี พ.ศ.2552 บัวขาว เข้าแข่งขันรายการ เค-วัน เวิลด์แม็กซ์ โดยสามารถเข้าถึงรอบ 4 คนสุดท้าย แต่ต้องมาแพ้คะแนนให้กับ แอนดี ซาวเวอร์ คู่ปรับเก่าอย่างน่ากังขาอีกหน ทำให้บัวขาวถึงกับออกมาให้สัมภาษณ์ว่า อยากให้กรรมการชี้แจงผลการตัดสิน ซึ่งแฟนมวยเควันต่างก็พากันเห็นใจบัวขาว โดยมีหลักฐานคือ ผลโหวตนักสู้เค-วัน แม็กซ์ ของปีนี้ โดยเขาได้อันดับ 2 เป็นรองเพียง จอร์จิโอ เปโตรเซียน แชมเปียนในปีนั้น

- หลังจากตระเวนแข่งขันอยู่ต่างประเทศหลายปี ในที่สุด บัวขาว มีโอกาสได้โชว์ฝีมือในบ้านเกิดเป็นครั้งแรก ในศึกไทยไฟต์ 2011โดยเขาเป็นฝ่ายชนะน็อก ไมเคิล พิซิเทโล จากฝรั่งเศส ในรอบรอบชนะเลิศ และได้เข้าชิงชนะเลิศ กับ แฟรงค์ จิออร์จี้ จากออสเตรเลีย ณ ลานพระบรมรูปทรงม้า หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคม ในวันที่ 18 ธ.ค.ปี พ.ศ.2554 และ บัวขาวเป็นฝ่ายเอาชนะคะแนนไปได้ พร้อมกับครองถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รุ่น 70 กก.

เกียรติประวัติและผลงานที่ผ่านมา

- แชมป์เวทีมวยสยามอ้อมน้อย รุ่นเฟเธอร์เวท รุ่น 126 ปอนด์
- แชมป์ประเทศไทย รุ่นเฟเธอร์เวท 126 ปอนด์
- แชมป์ที่ เวทีสยามอ้อมน้อย ในรุ่นไลท์เวท
- แชมป์มวยไทยมาราธอนโตโยต้า รุ่น 140 ปอนด์ ที่สนามมวยลุมพินี พ.ศ. 2545
- แชมป์รายการ มวยเค-วัน เวิลด์ แม็กซ์ 2004 (พ.ศ.2547)และ 2006 (พ.ศ.2549) ที่ประเทศญี่ปุ่น
- แชมป์ S1 ซุปเปอร์เวลเธอร์เวท เวิลด์ แชมเปียน
- แชมป์WMC มิดเดิลเวท แชมเปียน
- แชมป์มวยไทยไฟต์ 2011 (พ.ศ.2554) รุ่น 70 กก.

ปาโบล เอสโกบาร์

 
 
 
 
โดยวิกิพีเดีย

ปาโบล เอมีลีโอ เอสโกบาร์ กาบีเรีย 

(สเปน: Pablo Emilio Escobar Gaviria, 1 ธันวาคม ค.ศ. 1949 - 2 ธันวาคม ค.ศ. 1993)

เป็นพ่อค้ายาเสพติดและนักลักลอบขนโคเคนชื่อดังชาวโคลอมเบีย  ปาโบล เป็นหนึ่งในอาชญากรที่ร่ำรวยและประความสำเร็จมากคนหนึ่ง หลังจากอยู่ในวงการยาเสพติดมานานจึงเริ่มเข้าสู่วงการการเมืองในปี ค.ศ. 1986

ปาโบลเสียชีวิตขณะพยายามหลบหนีการไล่ล่าของตำรวจโคลอมเบีย ในวันที่ 2 ธันวาคม ค.ศ. 1993 การตายของเขาทำให้ตลาดค้าโคเคนถูกแย่งไปจากกลุ่มของปาโบลโดย

กลุ่มของกาลี การ์เตล (Cali Cartel) 

ผู้ซึ่งเป็นคู่แข่งของปาโบลนั้นเอง จนกระทั่งกลางคริสต์ทศวรรษที่ 1990 ผู้นำของกลุ่มดังกล่าวก็โดนจับกุมหรือถูกฆ่าโดยรัฐบาลโคลอมเบียเช่นเดียวกัน