โดยสหบาท เมื่อ 12 ก.ค.2554
บรรดา นายตำรวจมือปราบ ของกรมตำรวจ
ต้องมีชื่อ พล.ต.ต.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง ติดทำเนียบอยู่ด้วย
“เดอะไก่” ของพี่น้องผองเพื่อน เป็นตำรวจท่ีมีอัธยาศัยและมิตรไมตรีเอื้อเฟื้ออารีต่อทุกคน “ยกเว้น” มือปืน ผู้มีอิทธิพล โจรร้าย สารพัดรูปแบบ
เรียนจบ นรต.31 ลงเป็นรอง สวส.สน.พลับพลาไชย 2 กระทั่งขึ้นเป็นหัวหน้าสายสืบโรงพัก เจ้าตัวเคยเล่าให้ฟังอย่างติดตลกว่า เห็นรุ่นพี่ทำวิสามัญฆาตกรรมกันแล้วอยากทำเป็นบ้าง แต่ไม่กล้าถามเลยลองผิดลองถูก
วันหนึ่งไปเฝ้าคนร้ายคดีทุบหัวชิงทรัพย์คนแก่ที่ไปออกกำลังกายตอนเช้ามืดบริเวณวงเวียน 22 กรกฎา และจับได้คาหนังคาเขา ผู้กองฉัตรกนกฉวยจังหวะปลอดคนเบือนหน้าไม่รีรอชักปืนยิงคนร้ายโป้งเดียวลงไปนอนแน่นิ่ง ก่อนแจ้งผู้บังคับบัญชารุดมาที่เกิดเหตุด้วยความภาคภูมิใจ
ที่ไหนได้ “คนร้ายไม่ตาย” แถมร้องโอดครวญต่อหน้าผู้ใหญ่และนักข่าวว่า “ผู้กองยิงผมทำไม”
เล่นเอาหัวหน้าสายสืบมือใหม่ถูกด่าเละ กว่าจะสู้คดีจนผู้ต้องหาติดคุกเกือบแทบหน้ามืด
นับตั้งแต่นั้นมา พล.ต.ต.ฉัตรกนก กลายเป็นลูกศิษย์ของนักสืบมือปราบชั้นครูอย่าง พล.ต.ท.โสภณ วาราชนนท์ พล.ต.ท.ทวี ทิพย์รัตน์ และ พล.ต.ท.เทพรัตน์ รัตนวานิช สั่งสมประสบการณ์เป็นตำรวจมือบู๊อยู่ในทีมปราบปรามมือปืนรับจ้างของ พล.ต.อ.ชาญ รัตนธรรม รอง อ.ตร. ไล่ล่าจับตายนักฆ่าไปหลายศพ
เป็น สว.สส.สน.ลุมพินี โชว์ฝีมือจับ “ซิตี๋” มือขวาแคล้ว ธนิกุล เจ้าพ่อเมืองหลวงสมัยนั้น ข้อหาจ้างวานฆ่า นายชัยวัฒน์ พลังวัฒนกิจ หรือ “โหงว ห้าพลัง” แล้วขยับเป็น สว.สส.สน.บางรัก เป็นรอง ผกก.สส.น.เหนือ ถูกมรสุมเด้งไปนั่งรอง ผกก.หน.สน.นิมิตรใหม่ ก่อนกลับมาแจ้งเกิดอีกครั้งตำแหน่ง ผกก.สส.บก.น.4
ตอนนั้นต้องยืมเงินแม่หมดไปหลายแสนเพื่อเอามาทำงานสืบสวนใช้จ่ายเลี้ยงลูกน้อง
สร้างผลงานปิดคดีฆ่าชิงทรัพย์ นายบุญเลี้ยง อดุลยฤทธิกุล เจ้าพ่อคาเฟ่ในเวลาเพียงไม่กี่วัน จากนั้นย้ายไปเป็น ผกก.กองปราบปราม เป็น รอง ผบก.ปม. และกลับมาเป็นรอง ผบก.ป. จนขึ้นเป็น ผบก.ภ.จ.นครราชสีมา
ผู้การฉัตรกนกบอกว่า ตัดสินใจวางปืนเลิกบู๊หันมาทำงานบริหารเต็มตัว เพราะได้ไม่คุ้มเสี่ยง พร้อมเดินสายธรรมะยอมทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้บรรดาเจ้ากรรมนายเวรที่ล่วงเกินไป
วันนี้ พล.ต.ต.ฉัตรกนก เขียวแสงส่อง เหลือเพียงตำนานมือปราบที่เคยกำราบโจรผู้ร้าย
น่าเสียดายที่เขาต้องจากไปก่อนวัยอันควร !!!
ร่างเขาจะพระราชทานเพลิงที่วัดตรีทศเทพ วันที่ 14 ก.ค.นี้ 16.00 น.