Pages

ปรเมศวร์ มินศิริ



จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ปรเมศวร์ มินศิริ (28 มกราคม พ.ศ. 2512−ปัจจุบัน) เป็นนักธุรกิจอินเทอร์เน็ตชาวไทย และเป็นผู้ก่อตั้งกิจการอินเทอร์เน็ตหลายแห่ง เช่น เว็บท่าสนุกดอตคอมและกระปุกดอตคอม เว็บไซต์สื่อการเรียนรู้ทีวีฟอร์คิดส์ และบริการจัดหานางแบบ พริตตี้แก๊ง.คอม

นอกจากนี้ยังเคยเป็นนายกและอุปนายกสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย ขณะดำรงตำแหน่งได้ร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารพัฒนาโปรแกรมปลาวาฬเบราว์เซอร์ เว็บไซต์สารานุกรมคลังปัญญาไทย และดำเนินโครงการอินเทอร์เน็ตสีขาวเพื่อเยาวชน ปรเมศวร์ได้ลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวเมื่อปรากฏว่าเว็บไซต์กระปุกดอตคอมที่บริษัทของตนดูแลอยู่มีเขตย่อยซึ่งมีเนื้อหาล่อแหลมทางเพศ

ประวัติ
ปรเมศวร์ มินศิริ เกิดเมื่อวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2512 สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นจากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยนนทบุรี การศึกษานอกโรงเรียนซึ่งเทียบเท่าระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และปริญญาวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตามลำดับ

ต่อมาทำงานเป็นวิศวกรระบบที่โรงแรมเอเชีย กรุงเทพ เป็นวิศวกรซอฟต์แวร์ให้แก่บริษัทฟิเดลิโอ และเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท เวฟพอยท์ จำกัด ตามลำดับ ระหว่างนั้นยังได้เขียนหนังสือสอนการใช้งานอินเทอร์เน็ตหลายเล่มด้วย

ใน พ.ศ. 2540 ปรเมศวร์ได้ก่อตั้งเว็บไซต์สนุก.คอมขึ้น มีลักษณะเป็นเว็บท่าซึ่งคล้ายคลึงกับเว็บยาฮูของสหรัฐอเมริกา และจำหน่ายกิจการเว็บไซต์ดังกล่าวให้แก่เอ็มเว็บบริษัทโทรคมนาคมของประเทศแอฟริกาใต้ในสองปีถัดมา

วันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2543 ได้เปิดเว็บไซต์ในลักษณะเดียวกันชื่อ "กระปุก.คอม" ซึ่งปัจจุบันติดอันดับเว็บยอดนิยมเว็บหนึ่งของไทย เว็บไซต์กระปุกดอตคอมมีบริษัทบัณฑิตเซ็นเตอร์เป็นผู้บริหารงานทั่วไป และปรเมศวร์ก็ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการคนปัจจุบันของบริษัทดังกล่าว

นอกจากผลงานข้างต้นแล้ว ปรเมศวร์ยังมีเว็บไซต์อีกหลายแห่ง เช่น เว็บไซต์ทีวีฟอร์คิดส์สำหรับเผยแพร่สื่อความรู้ของรัฐสู่เยาวชน ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนการสร้างเสริมสุขภาพ และเว็บไซต์พริตตี้แก๊ง.คอม สำหรับจัดหาและให้บริการนางแบบโฆษณา นอกจากนี้ สมัยที่เป็นนายกสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย ยังได้ร่วมมือกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารพัฒนาโปรแกรมค้นดูเว็บของไทย ชื่อ "ปลาวาฬเบราว์เซอร์"และเว็บไซต์สารานุกรม "คลังปัญญาไทย" ตลอดจนโครงการอินเทอร์เน็ตสีขาว ปรเมศวร์ยังได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการสรรหาคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติอีกด้วย

วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2551 ปรเมศวร์ได้แถลงข่าวการร่วมทุนจำนวนยี่สิบล้านบาทกับบริษัทร่วมทุน เค-เอสเอ็มอี จำกัด ที่บริหารงานโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการเงินร่วมลงทุน (บลท.) ข้าวกล้า จำกัด

ด้านชีวิตครอบครัว ปรเมศวร์ มินศิริ สมรสแล้ว และมีบุตรหนึ่งคน


กรณีซับโดเมนของเว็บไซต์กระปุกดอตคอม
ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2551 เป็นที่อื้อฉาวว่าเว็บไซต์กระปุกดอตคอมมีซับโดเมนชื่อ "xxx.kapook.com" มีเนื้อหาเกี่ยวกับการรวบรวมเรื่องทางเพศไว้มากจนล่อแหลมเกินขอบเขต สามารถใช้คำสำคัญเกี่ยวกับเพศค้นหาได้ในโปรแกรมค้นหาเพื่อให้เป็นที่สนใจเข้าชมมาก

ต่อมา ปรเมศวร์ มินศิริ ผู้กำกับดูแลเว็บไซต์กระปุกดอตคอมแถลงว่า ซับโดเมนดังกล่าวมีอยู่จริง และถือเป็นความผิดพลาดของหน่วยงานเอง ไม่ใช่ของนักศึกษาฝึกงานตามที่ปรากฏในข่าว[11] โดยอธิบายว่า ตั้งใจให้เป็นที่รวมข่าวคราวของหมวด "เอ็กซ์ไฟล์" ซึ่งมีเนื้อหาในแนวลึกลับ แปลก หรือขำขัน ไม่เจตนาให้มีเนื้อหาในทางเรตเอ็กซ์ ส่งผลให้นายปรเมศวร์ประกาศลาออกจากจากตำแหน่งอุปนายกสมาคมผู้ดูแลเว็บไทย

ผลงานหนังสือ
ปรเมศวร์ มินศิริ. (2537). เรียนรู้ Foxpro 2.0-2.5. กรุงเทพฯ : วิศาสตร์.
ปรเมศวร์ มินศิริ. (2537). เรียนรู้ Microsoft Foxpro 20-2.5. กรุงเทพฯ : เลี่ยงเชียง.
ปรเมศวร์ มินศิริ. (2538). ท่องโลกอินเทอร์เน็ตด้วย Netscape Navigator Gold. กรุงเทพฯ : วิศาสตร์.
ปรเมศวร์ มินศิริ. (2539). Internet สำหรับผู้ใช้ Windows. กรุงเทพฯ : วิศาสตร์.
ปรเมศวร์ มินศิริ. (2539). ท่องโลกอินเทอร์เน็ตด้วย Netscape Navigator Gold. กรุงเทพฯ : เวฟฟอยท์.
ปรเมศวร์ มินศิริ, ผู้แต่งร่วม. (2539). เรียนรู้ Windows95. กรุงเทพฯ : เวฟพอยท์.
ณัฐฐยา พรรณพลีวรรณ, ปรเมศวร์ มินศิริ, นเรศ เดชผล, ศาสตรา กัลย์จารึก และพีรนุช สุวรรณรัตน์. (2547). โครงการชวนเพื่อนท่องเว็บไซต์ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ. กรุงเทพฯ : ม.ป.ท.

เวอร์จิล กริฟฟิธ

โดยวอยซ์ทีวีดอตคอม เมื่อ 28 ก.ค.2553

เขาเป็นแฮกเกอร์และผู้คิดค้นโปรแกรมขึ้นมาตรวจสอบการแก้ไขข้อมูลในวิกิพีเดีย ซึ่งมีทั้ง CIA และนักการเมือง 

เวอร์จิล กริฟฟิธ จบการศึกษาด้านคอมพิวเตอร์และเป็นแฮกเกอร์ เป็นผู้คิดค้นโปรแกรม 

วิกิสแกนเนอร์ 

ขึ้นมา เพื่อตรวจสอบว่าใครเป็นผู้ให้และแก้ไขข้อมูลวิกิพีเดียซึ่งโปรแกรมของเขาสามารถจับ ไอพีแอดเดรสของคอมพิวเตอร์ที่เป็นผู้แก้ข้อมูลได้ว่า ผู้ที่แก้ข้อมูลในวิกิพีเดียมีทั้งซีไอเอ สำนักวาติกัน และนักการเมือง

สำหรับซีไอเอหรือหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐเป็นผู้แก้ไขข้อมูลในวิกิพีเดียกว่า 300 เรื่อง ทั้ง

-เรื่องของประธานาธิบดีอิหร่าน 
-กองทัพเรืออาร์เจนตินา และ
-อาวุธนิวเคลียร์ของจีน 

ซึ่งซีไอเอได้ให้ข้อมูลแผนการในอนาคตในการครองอำนาจของประธานาธิบดีมาห์มู้ด อาห์มาดีนจาด ของอิหร่าน ไว้ด้วย

วิกิสแกนเนอร์ยังพบว่า คอมพิวเตอร์ของวาติกันนำข้อมูลที่เชื่อมโยง นายเจอรี่ อดัมส์ ผู้นำกลุ่มซินเฟน ของไอร์แลนด์และการฆาตกรรมออกไป

นอกจากนี้แล้วยังมีบุคคลใดบุคคลหนึ่งในพรรคเดโมแครต เปลี่ยนคำจำกัดความของ 

นายรัช ลิมโบห์นักจัดรายการวิทยุชื่อดังจากตลก เป็นคำว่า ดันทุรัง และเห็นว่าผู้ที่ฟังรัช ลิมโบห์ เป็นคนปัญญาอ่อน 

นายดัฟ ธอร์นเนล โฆษกเดโมแครต กล่าวแต่เพียงว่า ไม่ทราบและคอมพิวเตอร์ของเดโมแครตทำงานด้วยความรับผิดชอบ เช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์จากพรรครีพับลิกัน เปลี่ยนคำว่า 

กองกำลังที่เข้าครอบครองเป็นกองกำลังปลดปล่อยเพื่อเสรีภาพ เมื่อเข้าไปค้นหาว่า พรรคบาธ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงคำนี้มีขึ้นหลังจากกองทัพสหรัฐบุกอิรัก 

อย่างไรก็ตามยังมีคอมพิวเตอร์ของสหประชาชาติเป็นผู้แก้ไขข้อมูล โดยเรียกนักข่าวอิตาเลียนว่า คนหัวรุนแรงไม่เลือกที่ 

ส่วนคอมพิวเตอร์ของวุฒิสภาสหรัฐ เปลี่ยนแฟ้มประวัติของ เฮเลน โธมัส นักข่าวประจำทำเนียบประธานาธิบดีว่า เป็นคนที่ชอบขัดจังหวะและน่ารำคาญ 

คอมพิวเตอร์ของบีบีซีเปลี่ยนชื่อกลางของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช จาก วอล์กเกอร์ เป็น แวงเกอร์ คอมพิวเตอร์ของรอยเตอร์เติมคำว่า

ฆาตกรฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ลงไปในประวัติของบุช


น.ส.เวรา โกบาเลีย (Vera Kobalia) รมต.ศก.จอร์เจีย

โดยผู้จัดการ เมื่อ 28 ก.ค.2553

ดิ อินดิเพนเดนท์ - สื่อมวลชนรัสเซีย ตีแผ่ภาพแนวเซ็กซี่ของ เวรา โกบาเลีย รัฐมนตรีเศรษฐกิจจอร์เจีย ขณะเต้นระบำในไนท์คลับแห่งหนึ่ง เสียงวิพากษ์วิจารณ์ล่าสุดจากหนังสือพิมพ์แดนหมีขาวต่อประธานาธิบดีชาติคู่อริ มิคาอิล ซาคาชวิลี สำหรับแต่งตั้งนางระบำเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรี

ซาคาชวิลลี เพิ่งแต่งตั้งนางสาว เวรา โกบาเลีย วัย 28 ปี ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา แม้ว่านางสาวโกบาเลีย ซึ่งเป็นคนเชื้อชาติจอร์เจียและพำนักในแคนาดานานถึง 15 ปี จะไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมืองใดๆมาก่อนเลยก็ตาม

รายงานระบุว่าผู้นำจอร์เจียรายนี้ แต่งตั้งน.ส.โกบาเลีย ในตำแหน่งดังกล่าว ทั้งที่เพิ่งรู้จักเธอเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ระหว่างที่เขาเดินทางไปเยือนมหกรรมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ในเมืองแวนคูเวอร์

ภาพถ่ายนี้ซึ่งเอามาจากเฟซบุ๊คของ โกบาเลีย เคยถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งของจอร์เจียมาก่อนแล้ว โดยเป็นภาพรัฐมนตรีหญิงรายงานโพสต์ท่าร่วมกับพี่สาวและเพื่อนอีก 3 คน

แต่สื่อมวลชนแห่งรัฐของรัสเซีย ซึ่งมักเสนอข่าวทุกข่าวที่สามารถป้ายสีประธานาธิบดี ซาคาชวิลี ในด้านลบ กระโดดเข้าใส่เรื่องราวนี้ในทันที พร้อมกับยืนยันว่ามันเป็นภาพที่ถ่าย ณ บาร์เปลือยแห่งหนึ่งในแวนคูเวอร์ อย่างไรก็ตามทางโกบาเลีย เคยอ้างว่าภาพนี้ถ่ายไว้ตั้งแต่เมื่อ 10 ปีก่อน ขณะที่เธอเดินทางไปพักผ่อนในฟลอริดา

ในภาพถ่าย รัฐมนตรีเศรษฐกิจรายนี้ยังคงสวมชุดและไม่มีเครื่องบ่งชี้ใดๆว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งในการเต้นระบำเปลื้องผ้า และไม่มีสิ่งชี้ชัดเช่นกันว่าภาพนี้ถ่ายไว้ที่บาร์เปลือย

อัตชีวประวัติของ โกบาเลีย ระบุว่าก่อนที่จะออกจากแคนาดากลับมาพำนักในจอร์เจีย เธอเคยทำงานให้สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นแห่งหนึ่งและเคยประกอบธุรกิจส่วนตัวด้วย อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถหยุดยั้งหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของรัสเซียให้ตามจิกเรื่องนี้ โดยบางฉบับถึงกับพาดหัวว่า "จากนางระบำเปลือยสู่รัฐมนตรี" เลยทีเดียว

Anna Chapman สายลับรัสเซีย

แอนนา แชปแมน สายลับเซ็กซี่รัสเซีย สนใจเปลื้องผ้าถ่ายนู๊ดให้เพลย์บอย - บ.หนังโป๊เตรียมติดต่อทาบ"เล่นหนัง"

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 20 ก.ค.2553 ว่า 

แอนนา แชปแมน สปายสาวรัสเซีย ซึ่งถูกรัฐบาลสหรัฐเนรเทศกลับประเทศรัสเซียพร้อมกลุ่มสายลับอื่น ๆ ของรัสเซีย จำนวน 10 รายตามข้อตกลงแลกเปลี่ยนสายลับของรัฐบาลอเมริกา กำลังพิจารณาที่จะเปลื้องผ้าถ่ายนู๊ดให้แก่นิตยสารปลุกใจเสือป่า"เพลย์บอย"

เนื่องจากเธอกำลังเผชิญปัญหาด้านการเงิน เพราะไม่สามารถทำธุรกิจขายที่ดินได้เหมือนเดิม และไม่ได้รับเงินสวัสดิการใด ๆ จากทางการรัสเซีย โดยแหล่งข่าวระบุว่า แอนนา หวังจะถ่ายนู๊ดให้เพลย์บอย และหวังว่าเรื่องราวของเธอจะสามารถขายเป็นเงินด้วยการตีพิมพ์เป็นหนังสือชีวิตประวัติของเธอ หรือนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ได้ 

ขณะเดียวกัน "วิวิด เอ็นเตอร์เทนเมนต์"ยักษ์ใหญ่หนังโป๊ของสหรัฐ เปิดเผยว่า บริษัทต้องการได้ตัวแอนนามาเล่นภาพยนตร์โป๊ให้กับวิวิด เพราะเธอมีจุดขายในฐานะที่เป็นสายลับสวยที่สุดและร้อนแรงที่สุดของโลกที่เราเคยเห็นมาในรอบหลายปี และเธอยังเป็นที่สนใจของสื่อมวลชน ด้วย และว่า แม้ว่าแอนนาจะไม่ประสบความสำเร็จในอาชีพสายลับ แต่เราคิดว่า เธอสามารถประสบความสำเร็จในฐานะดาราหนังโป๊ได้ โดยวิวิด เต็มใจที่จะส่งผู้อำนวยการสร้างของบริษัทไปพบเธอ 

รายงานระบุว่า ก่อนหน้านี้ แชปแมนยังตกเป็นข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับชีวิตรักอันเร้าร้อนของเธอ โดยเฉพาะที่อังกฤษซึ่งเธอใช้เวลาหลายปีในกรุงลอนดอน กับนายอเล็กซ์ แชมปแมน ขณะที่ก่อนหน้านี้ ทางการอังกฤษยังได้ถอดสถานภาพการเป็นพลเรือน และยังพยายามหามาตรการป้องกันไม่ให้เธอเดินทางเข้าอังกฤษอีกต่อไปด้วย

บิล จอย

บิล จอย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

บิล จอย (Bill Joy ชื่อเต็ม William N. Joy) เกิด ค.ศ. 1954 เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัทซัน ไมโครซิสเต็มส์ เมื่อ ค.ศ. 1982 และทำงานอยู่กับซันจนถึงค.ศ. 2003

บิล จอย เป็นบุคคลสำคัญในการสร้างระบบปฏิบัติการยูนิกซ์ของเบิร์กเลย์ชื่อ BSD ซึ่งเป็นรากฐานของระบบปฏิบัติการในยุคปัจจุบันหลายตัว อย่างเช่นFreeBSD, NetBSD และ OpenBSD ผลงานอื่นๆ ของบิล จอย คือ TCP/IP, โปรแกรมแก้ไขข้อความ vi, NFS และเชลล์แบบ csh

บิลจอยยังมีส่วนสำคัญในการออกแบบไมโครโปรเซสเซอร์ SPARC, ภาษาจาวา และ JINI

นายนพพร นามเชียงใต้ หรือมดชมพู

นายนพพร นามเชียงใต้ หรือมดชมพู

“กลุ่มคนวันเสาร์ไม่เอาเผด็จการ” เป็นนักเคลื่อนไหวต่อสู้กับเผด็จการทหาร และการรัฐประหารที่โดดเด่นคนหนึ่ง

ปราศรัยตั้งแต่เวทีคาราวานคนจน ที่สวนจตุจักร

ปราศรัยท้องสนามหลวง เป็นคนแรก ๆ เมื่อครั้งมีการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549

ปี 2550 เป็นผู้ร่วมถวายฎีกา ให้ปลด ประธานองคมนตรี

เม.ย.52 ร่วมชุมนุมกับคนเสื้อแดง จนล้มการประชุมอาเซียนที่พัทยา

เหตุสงกรานต์เลือด เม.ย.52 ทหารสลายการชุมนุมคนเสื้อแดง ก็อยู่บนเวทีปราศรัย จึงถูกหมายจับร่วมกับคนอื่นอีก 27 คน

เมื่อผู้มีอำนาจปิด พีทีวี ก็ถูกหมายเรียก ข้อหา มีส่วนเกี่ยวข้องกับ พีทีวี ณ ห้างอิม ลาดพร้าว

นางบุญยืน ประเสริฐยิ่ง

โดย lmwatch.blogspot.com

นางบุญยืน ประเสริฐยิ่ง อายุ 44 ปี อาชีพ รับซื้อของเก่า และรับทำนายดวงชะตา

เป็นขาไฮด์ปาร์กประจำสนามหลวง ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างจริงจังหลังเกิดการยึดอำนาจ รัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 โดยมีฉายาว่า "นางพญาอินทรีย์"

บุญยืนระบุว่า ฉายานี้คนท้องสนามหลวงตั้งให้หลังจากเธอออกจากกลุ่ม ‘พิราบขาว’ ซึ่งถูกจับตาจากเจ้าหน้าที่ จากนั้นก็ร่วมสังกัดกลุ่มประชาธิปไตยพาประเทศไทยก้าวหน้าซึ่งก่อตั้งโดยพลพรรคสนามหลวงนั้นเอง โดยปกติมักปราศรัยโจมตีคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) และพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี รวมทั้งมุ่งต่อต้านการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ เป็นหลัก 

ปักหลักปราศรัยกับผู้ชุมนุมที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มย่อยๆ บริเวณสนามหลวงบนเวทีที่ตั้งกันเอง หรือไม่ก็บนเวที "เสียงประชาชน" ซึ่งเป็นเวทีเล็กๆ ไม่มีแกนนำชัดเจน แต่มีข่าวระบุว่ากลุ่มวิทยุแท็กซี่ของ ชินวัตร หาบุญพาด เป็นผู้สนับสนุนตั้งเวทีและเครื่องขยายเสียงขนาดเล็กดังกล่าว

นอกจากนี้เธอมักเป็นแถวหน้าในการชุมนุม เดินขบวน ต่อต้านรัฐประหาร พันธมิตรฯ คมช. ในทุกๆ ครั้งที่มีการชุมนุม

ปัจจุบัน ทั้งบ้านและรถที่ใช้ในการประกอบอาชีพของครอบครัวบุญยืนได้ถูกยึดไปหมดแล้ว เนื่องจากขาดผ่อนชำระ เพราะเธอซึ่งเป็นกำลังหลักในการหารายได้หลักของครอบครัวถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ สามีของเธอต้องหารายได้ด้วยการรับจ้างทั่วไป มาจ่ายเป็นค่าเช่าบ้านและเลี้ยงดูลูกคนเล็กซึ่งยังเรียนหนังสืออยู่

เรียบเรียงโดย 112watch@gmail.com ที่ 13:34

------------------------------
กรณีนางบุญยืน ประเสริฐยิ่ง
ข้อมูลด้านคดีและความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้อง:

ตำรวจ สน.ชนะสงครามออกหมายจับบุญยืน ประเสริฐยิ่งในข้อหาหมิ่นรัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และตำรวจ เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2551 จากกรณีการปราศรัยบนเวทีสนามหลวงในวันที่ 6 สิงหาคม 2551 ซึ่งบุญยืนได้เข้ามอบตัวในวันเดียวกัน และถูกคุมขัง ณ ทัณฑสถานหญิงนับแต่นั้นเป็นต้นมา เบื้องต้น เธอให้การรับสารภาพด้วยความหวาดกลัว และหวังว่าจะขอพระราชทานอภัยโทษในภายหลัง
6 พฤศจิกายน 2551 ศาลตัดสินจำคุกบุญยืน 12 ปี และลดโทษเหลือกึ่งหนึ่ง (6 ปี) เนื่องจากเธอรับสารภาพ
ปัจจุบัน บุญยืนอยู่ระหว่างยื่นอุทธรณ์ขอลดหย่อนโทษต่อศาล

รายละเอียด 

25 เมษายน 2551
มวลชนสนามหลวงราว 100-200 คน ที่มีบุญยืน ประเสริฐยิ่ง เป็นหนึ่งในแกนนำ จัดชุมนุมที่หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เพื่อต่อต้านกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งจัดเวทีสัมมนาใหญ่อยู่ในหอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยกลุ่มที่ชุมนุมถูกสื่อมวลชนรวมถึงผู้คนทั่วไปมองว่าเป็นม็อบที่ก้าวร้าว เนื่องจากมีการด่าทอ ระบายอารมณ์ และมีผู้ชุมนุมบางคนเปิดอวัยวะเพศโชว์จนกลายเป็นข่าวครึกโครม

15 สิงหาคม 2551 
พ.ต.อ.รังสรรค์ ประดิษฐ์ผล ผกก.สน.ชนะสงคราม เดินทางเข้าพบ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.เพื่อรายงานคดีหมิ่นองค์รัชทายาท โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2551 บุญยืน ประเสริฐยิ่ง ได้ขึ้นปราศรัยที่เวทีท้องสนามหลวง กล่าวพาดพิงถึงองค์รัชทายาทในบางช่วง ซึ่งเข้าข่ายความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่ง พ.ต.ท.สุเมธ จิตต์พานิชย์ รอง ผกก.สส.สน.ชนะสงคราม เป็นพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี

ต่อมาในช่วงเย็น พ.ต.ท.สุเมธ ได้เดินทางไปศาลอาญา เพื่อขออนุมัติหมายจับบุญยืน ตามประมวลกฎหมาย อาญา ม.112 ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับดังกล่าว

ในวันเดียวกัน บุญยืนซึ่งรับทราบว่ามีการออกหมายจับตน ได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สน.ชนะสงคราม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว และเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปฝากขังไว้ที่ศาลอาญา

หมายเหตุ ต่อมาแกนนำกลุ่มที่เคลื่อนไหวต่อต้านรัฐประหารและคมช.ได้พยายามเดินเรื่องขอประกันตัวบุญยืน แต่ศาลไม่อนุญาต โดยระบุว่าเป็นข้อหาร้ายแรงและเกรงผู้ต้องหาจะหลบหนี จากนั้นเธอได้ถูกตัวส่งไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง

6 พฤศจิกายน 2551
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก นางบุญยืน ประเสริฐยิ่ง จำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อ.4326/2551 ซึ่งพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ฟ้องข้อหา หมิ่นประมาท ดูหมิ่น รัชทายาท จากการที่จำเลยได้ปราศรัยบนเวทีประชาชนที่ท้องสนามหลวง ด้วยการกระจายเสียงทางเครื่องกระจายเสียงท่ามกลางประชาชนที่มาฟังจำนวนหลายคน ในเรื่องหมิ่นประมาท ดูหมิ่น องค์รัชทายาท โดยประการที่น่าจะทำให้องค์รัชทายาทเสื่อมเสียเกียรติ เสียชื่อเสียง และถูกเกลียดชังนั้น

ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 วางโทษจำคุก 12 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ให้กึ่งหนึ่ง คงลงโทษจำคุก 6 ปี (คดีหมายเลขแดงที่ อ.4308/2551 วันที่ออกแดง 6/11/2551) (1)

22 ธันวาคม 2551
บุญยืน ประเสริฐยิ่ง ได้ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา โดยขอลดหย่อนโทษจากในเรือนจำ โดยระบุว่าขอให้ศาลพิจารณารอลงอาญาและให้บำเพ็ญสาธารณประโยชน์ หรือไม่เช่นนั้นก็ขอลดกำหนดโทษลง โดยบุญยืนระบุว่าเจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่ากระบวนพิจารณาของศาลจะใช้เวลา 5-6 เดือน

6 มกราคม 2552
ศาลมีคำสั่งรับอุทธรณ์ และสำเนาให้อัยการ อัยการรับเมื่อ 29 มกราคม และมีกำหนดยื่นคำให้การแก้ในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552

เชิงอรรถ:
(1) ที่มาคำตัดสิน : http://www.crcourt.com/aryaweb/view_case_detail.php?hidTabPage=3&black_running=205021&court_running=2

นายเจิ้ง กั๊วหยง หรือ Brother Sharp คนเร่ร่อนชาวจีน ที่ชาวบ้านเห็นว่าเท่ดี

โดยข่าวสด เมื่อ 20 ก.ค.2553

เดลี่เมล์รายงานวันที่ 19 ก.ค. ว่า เรื่องราวชีวิตพลิกผันของ

นายเจิ้ง กั๊วหยง หนุ่มเร่ร่อนขอทานชาวจีน วัย 34 ปี 

ที่กลายเป็นดาวดังในโลกอินเตอร์เน็ต หลังมีผู้ถ่ายภาพไปเผยแพร่ในขณะสวมชุดสุดเท่เหมือนสไตล์โบฮีเมียน มีโปรดิวเซอร์ชาวจีนขอซื้อเพื่อสร้างเป็นภาพยนตร์ กำหนดเปิดกล้องในเดือนกันยายนนี้

นายเจิ้งกลายเป็นคนดังในจีน หลังจากปีก่อนมีช่างภาพสมัครเล่นบันทึกภาพช่วงที่นายเจิ้งเดินไปตามท้องถนนในเมืองหนิงเป่า มณฑลเจ้อเจียง ภาคตะวันออกของจีน ขอเงินซื้อข้าว และหยิบเอาเศษบุหรี่ที่คนทิ้งแล้วไปสูบต่อ ภาพถ่ายชุดดังกล่าวเผยแพร่ต่อมาในอินเตอร์เน็ตตั้งแต่เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ และได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง ด้วยภาพลักษณ์ที่ดูเท่ มีสไตล์ บางคนยังตัดต่อไปเปรียบเทียบกับนายแบบบนแคตวอล์ก ระดับโลก พร้อมตั้งฉายาว่า "หนุ่มเร่ร่อนที่เซ็กซี่ที่สุดในจีน" และ "พี่ชายสุดเท่"

สื่อมวลชนจีนรายงานประวัติของนายเจิ้ง ว่า ย้ายมาอยู่ที่เมืองหนิงเป่า ตั้งแต่ปี 2539 เพื่อหาเงินเลี้ยงภรรยาและลูก 2 คน แต่ไม่กล้าติดต่อกลับไปหาทางบ้านอีกเลย เมื่อต้องออกจากงานและหมดเงิน ญาติพี่น้องต่างคิดว่า นายเจิ้งคงตายไปแล้ว กระทั่งได้เห็นภาพอีกครั้งในอินเตอร์เน็ต นายเจิ้งได้กลับบ้านครั้งแรกในรอบ 14 ปี เมื่อรู้ว่า ภรรยาและพ่อเสียชีวิตในอุบัติเหตุทางรถยนต์

ต่อมา เมื่อเรื่องราวของนายเจิ้งโด่งดัง มีแฟนๆ ที่ชื่นชอบ ร่วมกันบริจาคเงินให้รวมกว่า 5 แสนบาท หวังให้นายเจิ้งได้ตั้งตัวอีกครั้ง กระทั่งล่าสุดนี้ มีผู้เสนอให้ไปถ่ายแบบ และเป็นนายแบบบนแคตวอล์ก รวมถึงนายเติ้ง เจียงฉัว โปรดิวเซอร์ภาพยนตร์ ขอซื้อเรื่องราวไปสร้างหนัง กำหนดออกฉายในเดือนก.พ.ปีหน้า โฆษกของครอบครัวนายเจิ้งให้สัมภาษณ์เดอะ เทเลกราฟ ว่า เรื่องราวนี้จะเป็นเรื่องเศร้า แต่จะจบแบบแฮปปี้ เมื่อครอบครัวได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง

โดยเมื่อ พ.ค.2553 นายเจิ้ง ได้ไปเดินแบบบนแคตวอล์คด้วย

นายธาริต เพ็งดิษฐ์


วุฒิการศึกษา 
นิติศาสตรบัณฑิตวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ พ.ศ.2525
เนติบัณฑิต สำนักอบรมศึกษากฎหมายแห่งเนติบัณฑิตยสภา พ.ศ.2527
นิติศาสตรมหาบัณฑิต จุฬาฯ พ.ศ.2530

ตำแหน่งทางวิชาการ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สาขาวิชานิติศาสตร์ โดยอนุมัติจากทบวงมหาวิทยาลัย พ.ศ. 2532

หน้าที่การงานปัจจุบัน ดำรงจำแหน่ง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ

---------------------------
เบื้องลึก‘’ธาริต เพ็งดิษฐ์‘’ ‘’ผมไม่มีบุญคุณต้องทดแทนใคร

โดยฐานเศรษฐกิจ เมื่อ 8 ต.ค. 52

ประมาณกลางเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ จะพ้นจากเก้าอี้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.)เพื่อไปรับตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แทนพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ที่ถูกย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา

ท่ามกลางเสียงวิพากษ์ว่า ธาริต เป็นสายตรงพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)

ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ธาริต เปิดใจให้สัมภาษณ์ฐานเศรษฐกิจ พร้อมกับท่าทีงุนงง กับเก้าอี้ตัวใหญ่ใน ดีเอสไอว่า ไม่รู้เป็นได้อย่างไร

+ตามที่มีข่าวว่า ท่านเป็นสายตรงพรรคประชาธิปัตย์บ้าง คนของไทยรักไทย ( หรือเพื่อไทยในปัจจุบัน)บ้าง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
ไม่จริงครับ ถ้าดูให้ลึกๆ ก่อนผมมาดีเอสไอ ผมช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ทำงานกับน.พ.พรหมินทร์ ( เลิศสุริย์เดช ) อดีตรองนายกรัฐมนตรี ตอนนั้น ต้องการนักกฎหมายจากภาครัฐ จึงขอตัวจากสำนักงานอัยการมาช่วย ผมก็มาช่วยท่าน

หลังจากทำงานกับหมอพรหมินทร์ เสร็จแล้ว ท่านนายกฯ ทักษิณ (ชินวัตร ) และท่านสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นคู่เขยของท่าน มีความคิดที่จะตั้งดีเอสไอ ก็ให้ผมร่างกฎหมายจัดตั้งดีเอสไอ เห็นไหมตอนนั้น ผมทำในฝ่ายรัฐบาลเสื้อแดงเลยนะ

หลังจัดตั้งดีเอสไอ ท่านสมชาย ตอนนั้นเป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม เป็นคนตั้งผมเป็นรองอธิบดีดีเอสไอ ในยุคก่อตั้งที่มี พล.ต.ท. นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ เป็นอธิบดี

จากสภาพการณ์ที่เกิดขึ้น มักจะมีคนมองว่าผมเป็นคนของเสื้อแดง แต่ความจริงผมไม่เคยฝักใฝ่ฝ่ายใด ผมทำงานแบบมืออาชีพ จะเห็นได้ว่า พอผมมาทำหน้าที่โฆษกกระทรวงยุติธรรม เรื่องถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผมทำตัวเป็นกลาง และไม่มีใบสั่งจากใครเลย ไม่ใช่ต้องเชียร์เสื้อเหลือง แต่ให้ความเห็นด้านข้อกฎหมายให้สังคมได้รับรู้ว่าที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร

อีกอย่างผู้ใหญ่ในรัฐบาลที่ตั้งผมเป็นอธิบดีดีเอสไอ ถามจริงๆเถอะ ท่านจะไม่รู้เลยหรือว่าภูมิหลังผมเป็นอย่างไร ผมคิดว่า ท่านต้องมองที่การทำงานของผมว่าเป็นอย่างไร เป็นข้าราชการฝ่ายประจำ ที่ทำงานแบบมืออาชีพหรือไม่ หรือว่าผมทำงานแบบฝักใฝ่ ถ้าผมมีอาการแบบฝักใฝ่คงไม่เลือกผม ผมต่ออีกว่า ผมทำหน้าที่อย่างไรในคดีสำคัญ ผมทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร

+ มีสัญญาณอะไรบอกล่วงหน้าหรือไม่ว่า จะได้เป็นอธิบดี ดีเอสไอ
มีข่าวลือในหนังสือพิมพ์ มาสัก 2 สัปดาห์ ว่าจะมีการโยกย้ายผมสลับกับท่าน ทวี แล้ว ผมก็ไม่ทราบอะไรเลย และไม่ได้ไปถามผู้ใหญ่ท่านใด จนกระทั่งก่อนที่ ครม. จะมีมติไม่ถึง 12 ชั่วโมงท่านรัฐมนตรี (นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รมว.ยุติธรรม )ก็บอกผม ว่า จะมอบหมายให้ไปทำงานในตำแหน่งอธิบดี ดีเอสไอ

+ ใน ดีเอสไอ มีคดีเงินบริจาคของพรรคประชาธิปัตย์ หนักใจไหมที่ต้องดูแลเรื่องนี้
ผมไม่มีบุญคุณต้องทดแทนใคร ผมไม่หนักใจเรื่องนี้ ผมไม่ได้มาโดยระบบอุปถัมภ์ สิ่งที่ผมต้องทำคือ ทำงานให้ดีที่สุด ตรงไปตรงมา และสร้างความยุติธรรม

+ทำอย่างไรไม่ให้การเมืองแทรกแซงดีเอสไอ และจะล้างภาพลักษณ์นี้อย่างไร
สิ่งที่เป็นข้อเท็จจริง คือ ผมไม่ได้เป็นคนของพรรคใดพรรคหนึ่ง ถ้าไปดูประวัติแท้จริงผมถูกแต่งตั้งให้เป็นอธิบดี ดีเอสไอ เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ในสมัย ท่านสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ขณะนั้นนายกรัฐมนตรีคือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาถึงวันนี้ผมได้รับการแต่งตั้งโดย ครม. ชุด ประชาธิปัตย์ (ปชป.) โดยท่านพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นรมว.ยุติธรรม ผมจึงไม่ใช่คนของพรรคใดพรรคหนึ่ง ภาพของผมไม่ใช่ภาพที่ติดอยู่กับใครหรือพรรคใด ซึ่งจริงๆก็เป็นเช่นนั้น

ที่สำคัญ ตอนที่ผมถูกเลือกให้เสนอชื่อเป็นอธิบดี ดีเอสไอ ผมยังงงอยู่เลยว่าได้เป็นอธิบดี ดีเอสไอ ได้อย่างไร

+จะใช้เวลาในการจัดระบบการทำงานให้เข้าที่เข้าทางนานแค่ไหน เพื่อปัญหาความขัดแย้งในองค์กร ให้คลี่คลายลง
การที่ผมเข้าไปเป็นอธิบดี ดีเอสไอ ผมเป็นสัญลักษณ์ของพลเรือน คนในดีเอสไอ รู้จักผมดี เพราะผมอยู่มา 4 ปีแล้ว และผมไม่ฝักใฝ่ใคร ผมเชื่อว่า ไม่ว่าผู้บริหารฝ่ายเก่า ฝ่ายใหม่จะคิดว่า คนที่เคยมีอำนาจไม่ต้องถูกล้าง ส่วนคนที่เคยถูกลดบทบาท ก็คิดว่าสามารถทำงานได้ เพราะฉะนั้น โดยธรรมชาติของผมคงเปิดโอกาสให้ผมได้ทำงานเต็มที่ โดยไม่มีใครมาตั้งป้อมกับผม คิดว่าผมจะมาล้างบางใครหรือไม่ เขารู้กิตติศัพท์ผมอยู่แล้วเขาก็ต้องบอกว่า ธาริตไม่ใช่คนแบบนั้น คนที่ไม่ได้ทำงานก็จะมีโอกาสได้ทำงาน ถึงคราวพิสูจน์ที่ผลงาน

ที่มีเสียงวิพากษ์ว่าในดีเอสไอ มีตำรวจมากกว่าพลเรือน ทำให้รู้สึกที่ไม่ดี แต่เมื่อผมมาจากพลเรือน คนน่าจะเปิดโอกาสให้ผมทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ใช่ตั้งป้อมมาแล้วต้องซัดกันอย่างนั้นไม่ใช่แล้ว

+ ตำแหน่งอธิบดีต้องรอโปรดเกล้าฯหรือไม่
ปกติ ต้องรอโปรดเกล้าฯ แต่ทราบว่ากระทรวงจะออกคำสั่งรักษาราชการแทน เพื่อจะได้ทำงานได้ทันที เข้าใจงาน คำสั่งจะออกสัปดาห์หน้า ประมาณ 15 หรือ 20 ตุลาคม นี้ คงต้องไปอยู่ที่ดีเอสไอ

เร็วๆนี้คงได้เห็นการพิสูจน์ ฝีไม้ลายมือ อธิบดีดีเอสไอ คนใหม่

Scarlett Johansson

สกาเล็ต ไอ. โยแฮนสัน(อังกฤษ: Scarlett Johannsson) (เกิด 22 พฤศจิกายน, ค.ศ. 1984) เป็นนักแสดงและนักร้องชาวอเมริกัน สัญชาติเดนมาร์ก

สกาเล็ตมีชื่อเสียงจากบทบาทการแสดงในเรื่อง The Horse Whisperer ในปีค.ศ. 1998 และได้รับบทวิจารณ์อย่างล้นหลามจากบทบาทการแสดงในเรื่อง Ghost World, Lost in Translationและ Girl with a Pearl Earring สกาเล็ตได้รับรางวัลบาฟต้าจากเรื่อง Lost in Translation และได้รับการเสนอชื่อขึ้นชิงรางวัลลูกโลกทองคำจากเรื่อง Lost in Translation และGirl with a Pearl Earring ในปีค.ศ. 2003 ด้วย

นอกจากบทบาทการแสดงแล้ว สกาเล็ตยังมีผลงานเพลงอีกด้วย อัลบั้มแรกของเธอ คือ Anywhere I Lay My Head วางจำหน่ายวันที่ 20 พฤษภาคม ค.ศ. 2008