Pages

วนัญญา สมาธิ ว่าที่บัณฑิตรุ่นแรก "หนึ่งอำเภอ หนึ่งทุน"จากอิตาลี


เรียนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย เธอก็ต้องบินลัดฟ้าสู่ประเทศอิตาลีทันที

ความรู้สึกของหญิงสาวในตอนนั้น เต็มไปด้วยความตื่นเต้นด้วยนี่เป็นครั้งแรกที่ต้องจากบ้านเกิดไปอาศัยอยู่ยังถิ่นอื่นเนิ่นนานทั้งยังเป็นดินแดนที่ไม่ได้ใช้ภาษาไทยเป็นภาษาหลักในการสื่อสารอย่างที่เธอคุ้นเคย

เธอบอกว่า "เครียด และกดดัน (พอสมควร)"

ภาพสวนยางวิถีชีวิตชาวบ้าน อ.นายูง จ.ตรัง ถูกแทนที่ด้วยตึกรามสูงใหญ่ ผู้คนมากมายและภาษาพูดไม่คุ้นหู แต่ทว่าความไม่คุ้นชินนี้ก็ไม่ได้ทำให้เธอทดท้อ งอแงร้องไห้ ถอดใจจนต้องเดินทางกลับบ้านเกิดก่อนจะสำเร็จการศึกษา

"ทั้งที่ก่อนหน้านั้น เคยมีข่าวคราว "เด็กทุน" โครงการเดียวกันนี้เครียดจัดถึงขั้นฆ่าตัวตายมาแล้ว"

""วนัญญา สมาธิ"" 

วันนี้ในวัย 24 ปี กำลังจะสำเร็จการศึกษาจากคณะอักษรศาสตร์ศิลปศาสตร์ เอกการท่องเที่ยวมหาวิทยาลัย Tor Vrgata ประเทศอิตาลีตามโครงการ "หนึ่งอำเภอ หนึ่งทุน" (One Dicstrict One Scholarship:ODOS)ทุนซึ่งรัฐบาลไทยเปิดโอกาสให้แก่นักเรียนผู้สำเร็จชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่ได้รับคัดเลือกจากทุกอำเภอ กิ่งอำเภอ ซึ่งขาดแคลนทุนทรัพย์ทางการศึกษาแต่มีผลการเรียนและมีความประพฤติดีได้มีโอกาสศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีทั้งในและต่างประเทศ

โดยเฉพาะในต่างประเทศนั้น ต้องเป็นกลุ่มประเทศที่ไม่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักเป็นต้นว่า เยอรมนี, ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์, จีน, ญี่ปุ่น และอิตาลีเป็นต้น ปัจจุบันมีนักเรียนทุน ODOS แล้วจำนวน 2 รุ่น

วนัญญา คือ "เด็กทุน ODOS" รุ่นแรก (ปี พ.ศ.2547) เลือกประเทศอิตาลี เป็นคำตอบสุดท้ายของการเรียนปริญญาตรี

หญิงสาวมีพ่อชื่อ "นายเขื่อง สมาธิ" (เสียชีวิตแล้ว) และ "นางวารี สมาธิ"ประกอบอาชีพทำสวนยาง เฉกเช่นชาวบ้านแถบปักษ์ใต้ทั่วไปก่อนหน้าที่จะเดินทางไปศึกษาต่อยังต่างแดนวนัญญาเริ่มเข้าสู่ระบบการศึกษาที่โรงเรียนเพาะปัญญาและชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น-ปลาย ที่โรงเรียนสวัสดิ์รัตนาพิมุขซึ่งเมื่อเรียนจบได้ทุนก็มุ่งตรงสู่แดนมะกะโรนีทันที

แม้จะลังเลใจกับการต้องใช้ชีวิตยังถิ่นที่ไม่เคยรู้จัก แต่สาวใต้ตาคมก็บอกว่า...

"เมื่อโอกาสมาถึงแล้ว ควรจะฉวยไว้และทำให้เป็นประโยชน์กับตัวเองให้มากที่สุด ทั้งที่โดยใจลึกๆอยากอยู่ใกล้กับพ่อแม่ เพราะที่ผ่านมาไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันเท่าไหร่ท่านต้องไปกรีดยางยังสวนที่อยู่ไกลจากบ้าน

"แต่คิดดูแล้วเห็นว่าแต่เมื่อโอกาสมาถึง ประกอบกับที่ทุกวันนี้เทคโนโลยีพัฒนามากขึ้นพูดคุย ติดต่อสื่อสารกันง่ายขึ้น จึงตัดสินใจมาเรียนต่อ จนทุกวันนี้"วนัญญาเล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ

แน่ล่ะ เพราะอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เธอก็จะคว้าใบปริญญากลับไปให้คนที่บ้านได้ชื่นชมแล้ว

"แต่อย่ามองเพียงแค่ความสำเร็จ เพราะ "ระหว่างทาง" ของหญิงสาวผู้นี้มีเรื่องน่าสนใจ"

ทำไมถึงได้มาเรียนต่ออิตาลี?

เริ่มแรกเลยคือ ครูแนะแนวที่โรงเรียน ร.ร.สวัสดิ์รัตนาพิมุขอ่านข่าวพบเรื่องโครงการ "หนึ่งอำเภอ หนึ่งทุน" และแนะนำให้ลองสมัครดูมีหลักเกณฑ์คือ ต้องเป็นนักเรียนที่มีเกรดเฉลี่ยตั้งแต่ 3.00 ขึ้นไปคือเรียนดี มีฐานะยากจน

จากนั้นจะมีการสอบภาษาอังกฤษได้แล้วจะคัดเลือกนักเรียนจากการสอบข้อเขียนมา 3 คนเพื่อทำการสัมภาษณ์เหลือเพียง 1 คน โดยผู้ที่ได้สิทธินี้จะต้องมีอาจารย์และนายอำเภอรับรองทุกอย่างเพื่อตรวจสอบว่าพ่อแม่ยากจนจริงมั้ย เงินเดือนพ่อแม่รวมกันแล้วไม่เกิน 2แสนบาทจริงหรือเปล่า ทุนนี้จะให้เราเลือกว่าจะเรียนในประเทศหรือต่างประเทศและเลือกเรียนสาขาไหนก็ได้

เลือกเรียนต่างประเทศ แล้วชีวิตช่วงแรกเป็นอย่างไร?

เพราะมีแรงบันดาลใจจากอาจารย์ท่านอยากลุ้นว่าลูกศิษย์คนนี้จะเรียนจบจากต่างประเทศมาได้หรือเปล่าเลยเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัย TOR VRGATA ในกรุงโรมเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐบาล ซึ่งตอนแรกพ่อกับแม่ก็รู้สึกเสียใจเพราะต้องจากกันไกล แต่เมื่อเห็นว่านี่เป็นโอกาสดีของเราก็เลยไม่ได้ว่าอะไร

มาตอนแรกก็รู้สึกเหงาเป็นธรรมดา เพราะว่าการอยู่อิตาลีเหมือนเป็นอีกโลกหนึ่งเพราะไม่รู้จักเลยว่าภาษาอิตาลีเป็นอย่างไรไม่เคยเรียนภาษาอิตาลีมาจากเมืองไทยเลย เริ่มนับหนึ่งที่นี่เป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะโครงสร้างภาษานั้นแตกต่างกันมากและแตกต่างจากภาษาอังกฤษด้วย เพราะภาษาอิตาลีมีรากศัพท์มาจากภาษาละติน

นักศึกษาทุน "โอดอส" (ODOS) เลือกเรียนที่อิตาลีเยอะมั้ย?

ประมาณ50 คน เรียนที่โรมบ้าง มิลานบ้าง โบโลญญ่าบ้าง กระจายไปตามหลักสูตรและแผนการเรียน โดยในปีแรก พวกเราจะเรียนภาษาอิตาลีทั้งปีเลยจากนั้นก็สอบเข้ามหาวิทยาลัย คนที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วรู้สึกว่าไปไม่ไหว ขอกลับไปเมืองไทยก็มีหลายคนเหมือนกัน

ที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ก็มี สำหรับตัวเอง พอสอบเรียนต่อได้แล้วตอนแรกมาพักอยู่ที่อพาร์ตเมนต์ที่ทางสถานทูตไทยจัดให้อยู่เฉพาะเด็กไทยในกรุงโรม ราว 3 เดือน แล้วหลังจากนั้นใครประสงค์ที่จะอยู่ต่อ หรือใครจะไปหาเช่าบ้านอยู่เองก็แล้วแต่โดยรัฐบาลจะเป็นผู้จ่ายค่าที่พักให้

ตัดสินใจออกไปเช่าบ้าน?

อยากออกไปใช้ชีวิตให้เข้มแข็งกว่านี้ เพราะเวลาอยู่กับเพื่อนจะรู้สึกว่าเราต้องมีเพื่อน ให้สามารถพึ่งพิงได้ แต่ถ้าเราไปอยู่คนเดียวแล้วห้องข้างๆ เป็นคนอิตาเลี่ยน เราจะมีโอกาสเจอหน้า ทักทาย หาเรื่องคุยดูหนัง ทำกิจกรรมร่วมกับเขา อยากพิสูจน์ว่าเราจะอยู่กับสังคมเขาได้ไหมจึงเริ่มหาที่อยู่ใหม่โดยการโทรศัพท์ถาม

คือที่นี่จะมีหนังสือพิมพ์สำหรับหาบ้านเช่า ซึ่งก็จะเป็นบ้านที่มีครอบครัวเขาอยู่แล้วแต่มีห้องว่างให้เราเช่า ก็ต้องถามว่าบ้านของคุณรับไหมเป็นนักศึกษาต่างชาติ

พอเขานัดไปดูบ้าน ถ้าเราชอบก็ตกลงทำสัญญาเช่า อย่างน้อย 6 เดือนหรือ 1 ปี ก็แล้วแต่ เช่าห้องหนึ่งแล้วก็แชร์ห้องน้ำ ห้องครัว ร่วมกันกับครอบครัวที่ไปเช่าอยู่ อ้อ!ที่ต้องระวังคือเรื่องการทำอาหารเพราะเขาอาจจะไม่คุ้นเคยกับกลิ่นอาหารแปลกๆ แบบของบ้านเรา (หัวเราะ)

ได้อยู่กับครอบครัวหนึ่งซึ่งน่ารักมาก คือเขาพยายามที่จะดึงเราให้เกี่ยวกับครอบครัวเขา เช่นเทศกาลคริสต์มาสเขาทำอะไรกันบ้าง วันเด็กที่นี่เขาทำอะไรกันบ้างก็พยายามจะให้มีส่วนร่วมในวัฒนธรรมนั้น เขากินอะไรกัน เขาทำอะไรกันก็ชวนกันมา ในทางกลับกัน เราก็จะทำอาหารไทย ชวนเขากินแต่บางครอบครัวก็อาจไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับผู้เช่า

คิดถึงบ้านบ้างไหม?

คิดถึง ตอนมาอยู่ที่อิตาลีใหม่ๆ ได้ยินเสียงแม่ทีไรน้ำตาไหลทุกทีตอนแรกร้องไห้บ่อยมาก เวลาอ่านหนังสือก็ไม่รู้เรื่องเพราะเราไม่เคยอ่านหนังสือไม่ออก เราไม่เคยอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องรู้สึกเลยว่าเราโง่มาก อ่านอะไรก็ไม่ออก เขียนก็ไม่ได้คุยกับใครก็ไม่รู้เรื่อง กว่าจะซื้อเกลือ น้ำตาล ได้ก็ปาเข้าไป 1-2สัปดาห์แล้ว ถือว่าเป็นการปรับตัวครั้งยิ่งใหญ่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยจากการที่เราเดินไปตรงไหนก็ฟังเขารู้เรื่องตอนนี้เดินไปทางไหนก็เหมือนคนหูหนวกไปเลย

เรียนด้านการท่องเที่ยว?

มีความใฝ่ฝันว่าอยากเรียนอะไรที่เกี่ยวกับการพบปะผู้คนและในช่วงที่ได้ทุนนั้น การท่องเที่ยวกำลังบูมมากเห็นนักศึกษาที่เรียนด้านนี้ได้ออกพื้นที่ เก็บข้อมูล ก็รู้สึกชอบ

คณะที่เรียนนี้ จะสอนเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในอิตาลี ทั้งในเชิงธรรมชาติและเชิงวัฒนธรรม เรียนรู้ขนบธรรมเนียมประเพณี ศิลปะทางยุโรปแล้วก็นำมาเปรียบเทียบกับทางฝั่งตะวันออกว่าเป็นอย่างไรซึ่งตอนนี้ก็กำลังจะทำวิทยานิพนธ์ด้านนี้อยู่ เพราะคิดว่าบ้านเรากับบ้านเขา เป็นสองวัฒนธรรมที่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด

วัยรุ่นไทยกับวัยรุ่นอิตาเลี่ยนต่างกันอย่างไร?

วัยรุ่นที่นี่จะเป็นคนเปิดเผย หัวแข็ง ดื้อรั้น พ่อแม่เถียงก็เถียงไปเลยไม่สนใจ ในขณะที่วัยรุ่นบ้านเราจะเคารพพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ตอนปีแรกที่มาถึง ได้เจอกับเหตุการณ์นักศึกษาสามารถไล่ครูออกจากห้องได้เพราะไม่ชอบการสอน ในขณะที่บ้านเรา นักศึกษาต้องทำความเคารพครูสำหรับตัวเองรู้สึกรับไม่ค่อยได้ ในความไม่อ่อนน้อมถ่อมตนของคนยุโรป

ประเทศอิตาลีมีพวกยิปซีเยอะ?

ใช่โดนล้วงกระเป๋ามาแล้ว เขาบอกว่า ถ้าไม่เคยโดนแสดงว่ามาไม่ถึงอิตาลี(หัวเราะ) ตอนนั้นกำลังจะไปมหาวิทยาลัย ขึ้นรถเมล์ของมหาวิทยาลัยโดยไม่ได้คิดว่าจะมีพวกอื่นแอบแฝงขึ้นมาด้วย เลยไม่ทันระวังตัว

พวกยิปซีจะเข้ามาในหลายรูปแบบ เช่น ช่วงหน้าหนาวจะถือเสื้อกันหนาวมามือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างหนึ่งโหนรถเมล์และพอสะพายกระเป๋าก็จะประกบเข้ามาชิดแล้วก็เอามือที่ถือเสื้ออยู่นั้นล้วงเข้าไปในกระเป๋าหรือบางทีก็กรีดกระเป๋า เป็นอะไรที่เนียนมาก ไม่รู้ตัวเลยตอนนั้นเขาได้โทรศัพท์ไปเครื่องหนึ่ง

คิดว่ากลับไปเมืองไทยจะทำอะไร?

คงต้องดูแนวทางการทำงานก่อน เพราะด้านท่องเที่ยวก็สนใจ การโรงแรมก็สนใจและบางทีเรื่องของภาษาอิตาลีก็เป็นประโยชน์ เป็นข้อเด่นสำหรับตัวเองอาจจะทำอะไรระหว่างไทย-อิตาลี ตอนนี้ก็อยากจะ ลองงานไปเรื่อยๆ ก่อนหาประสบการณ์ให้มากที่สุด ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นด้านไหนอยากจะใช้วิชาที่เรียนให้เป็นประโยชน์มากที่สุด

ตอนนี้กำลังหาข้อมูลจากสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ประจำกรุงโรมที่ฝึกงานอยู่ ได้ออกไปงานโรดโชว์ เจอผู้ประกอบการรายโน้นรายนี้เพื่อจะเป็นข้อมูลในการตัดสินใจ

อยู่ยุโรปได้ไปเที่ยวไหนมาบ้าง?

ไปปารีส ฝรั่งเศส แล้วก็ไปแถบสแกนดิเนเวียมา ทั้งโคเปนเฮเกน ออสโลซึ่งที่นู่นก็มีเพื่อนที่ได้ทุนเดียวกันนี้อยู่ก็ไปขอข้อมูลเขาว่าไปเที่ยวตรงไหนดี อากาศเป็นไงบ้าง จากนั้นก็ติดต่อไปบางที่ไปนอนกับเพื่อน นอนที่พักฟรี บางทีก็เช่า youth hotel อยู่เพื่อเป็นการประหยัด

แล้วข้อดีอีกอย่างหนึ่งคือที่ยุโรปนี้มีเที่ยวบินโลว์คอร์สเยอะมาก เราสามารถจองไป-กลับได้ ในราคา 20ยูโร โดยดูว่าช่วงไหนเป็น Last minute (นาทีสุดท้าย)เราก็จองผ่านอินเตอร์เน็ตได้สะดวก

ถ้ามีโอกาสได้มายุโรปหรือได้มาเรียนในยุโรป พยายามหาโอกาสไปดูบ้านเมืองรอบๆ ต่างประเทศ ไปกลับค่าใช้จ่ายถูกกว่ากลับเมืองไทยเยอะ

มีแฟนหรือยัง?

ไม่มีค่ะ อยู่ที่นี่ โสดสนิทตลอด (หัวเราะ)

ไม่มีหนุ่มอิตาเลี่ยนมาจีบเหรอ?

ก็มีบ้าง แต่เราก็ไม่ได้สนใจเพราะที่สุดแล้วก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของตัวเองว่าจะใช้ชีวิตอยู่ที่อิตาลีอย่างไร เพราะอยากกลับไปทำงานที่บ้านสนุกกับการทำงานที่ตัวเองชอบที่นั่น ใช้ชีวิตที่เมืองไทย

มีอะไรแนะนำเด็กทุนรุ่นหลัง?

อยากให้เตรียมเรื่องภาษา ให้ข้อมูลแต่ละมหาวิทยาลัยหรือข้อมูลแต่ละประเทศที่ไปให้ชัดเจน เช่นประเทศนี้ คณะการท่องเที่ยวโรงแรม เป็นอย่างนี้ ให้เห็นภาพที่ชัดเจนว่าไปแล้วว่าจะเจออะไรบ้าง

ตอนกลุ่มที่ตัวเองได้ทุนมาเรียนนั้น ไม่รู้เลยว่าจะเจออะไรบ้างด้วยความที่เป็นเด็กต่างจังหวัด บางคนเอาแค่กรุงเทพฯก็ยังไม่รู้เลยว่าหน้าตา-ผู้คน เป็นอย่างไรแล้วนี้ให้กระโดดไปอยู่เมืองนอกเลย เป็นเรื่องที่เครียดและดูหนักไปหน่อยน่าจะให้เขารู้ก่อนว่า เวลามาอยู่เมืองนอก เขาจะได้เจออะไรบ้างจะได้ตัดสินใจว่าควรมาหรือไม่มาดี

สิ่งที่ทำให้เรามีกำลังใจอยู่มาจนกระทั่งจะกลับบ้านคืออะไร?

ตัวเองมีความฝัน แล้วต้องทำความฝันให้เป็นจริงให้ได้ แล้วก็แม่ที่ให้กำลังใจโดยปกติจะคุยกับแม่ทุกเรื่อง แล้วก็โทร.คุยกันตลอดแม่ก็จะให้กำลังใจว่าไม่มีใครรู้มาตั้งแต่เกิดหรอกลูกอีกส่วนหนึ่งก็มีเพื่อนๆ คอยให้กำลังใจ...

"จนในที่สุดก็มาถึงวันนี้ได้"

โดย สุรเชต เพชรน้ำไหล

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ9 ธันวาคม 2552 เวลา 23:54

    ขอให้พี่เรียนจบ กลับบ้านเร็วๆนะ ทุกคนคิดถึงมาก
    my sis...

    ตอบลบ